รถดีเซลเก่าเกิน 7 ปี ทำฝุ่น PM2.5 ฟุ้งใน กทม. ชัชชาติ เผยรถพ่นน้ำช่วยไม่ได้
ชัชชาติ เผยต้นตอทำให้ ค่าฝุ่น 'PM 2.5' ใน กทม. สูง เพราะรถดีเซลเก่าเกิน 7 ปี มีอยู่กว่าล้านคันทั่วกรุง แนะให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ชี้รถพ่นน้ำ ช่วยได้แค่ความรู้สึก แก้ปัญหาไม่ได้
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาที่แยกราชประสงค์ หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาสำรวจ ค่าฝุ่น 'PM 2.5' แล้วเดินทางกลับไปได้ประมาณ 15 นาที โดยบอกว่า หากดูการประมวลผลและคาดการณ์ วันพรุ่งนี้ ค่าฝุ่น จะหนักกว่าวันนี้ และไปหนักสุดวันที่ 17 ธ.ค. 2566 แต่หลังวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ค่าฝุ่น ก็จะลดลง อากาศจะถ่ายเทดีขึ้น ปีนี้การคำนวณค่าฝุ่นเข้มข้นขึ้น อาจจะดูว่ารุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ตัวเลขไม่ได้ขยับขึ้น เพียงแต่สีมันเปลี่ยนตามมาตรฐานที่เข้มข้น ส่วนใน กทม. ต้องดูแลทุกพื้นที่
นายชัชชาติ เผยว่าต้นตอของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น คาดว่ามาจากรถยนต์พื้นที่ไหนที่มีการจราจรแออัดหนาแน่น บวกกับสภาพอากาศที่กดลงมามากทำให้อากาศไม่ถ่ายเท อัตราการไหลเวียนของอากาศจึงน้อย พร้อมฝากทุกคนให้ช่วยกัน โดยเฉพาะคนที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลอายุเกิน 7 ปี ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 1 ล้านคัน รถเหล่านี้ถึงแม้จะผ่านการตรวจควันดำ แต่ก็ยังปล่อย PM 2.5 ออกมาจำนวนมาก จึงต้องไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ก็มีมาตรการร่วมกับกระทรวงพลังงาน แต่ภายในปลายสัปดาห์นี้ก็จะออกมาตรการเพื่อดึงดูดใจคนที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เก่า ให้มาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ในราคาที่ถูกลง โดยจะร่วมมือกับค่ายรถยนต์และบริษัทผลิตน้ำมัน นี่คือหัวใจในการแก้ปัญหาตอนนี้
นายชัชชาติ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะติดตามและประมวลผลอย่างเข้มงวด หากอีก 2 วัน ค่าฝุ่น สูงขึ้นมาก ก็จะออกประกาศให้ประชาชนเวิร์คฟอร์มโฮม ส่วนคนที่ออกกำลังกายกลางแจ้งก็ขอให้งดก่อน ส่วนใครที่ออกนอกบ้าน หากสวมหน้ากากอนามัยได้ก็ดี เพื่อป้องกัน
ส่วนข้อเสนอที่จะใช้รถพ่นน้ำนั้น มองว่า อาจจะช่วยได้แค่ความรู้สึก แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเมื่อหยุดพ่นน้ำก็จะมีปริมาณฝุ่นเข้ามาเติมแทนทันที ทั้งนี้ แม้ปีนี้คนจะหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดปริมาณของควันพิษควันดำที่ปล่อยออกมา เพราะเครื่องยนต์ดีเซลยังมีใช้ในการพาณิชย์
