svasdssvasds

PISA เผย สมาร์ทโฟนทำให้เด็กมีผลการเรียนแย่ลงจริง !

PISA เผย สมาร์ทโฟนทำให้เด็กมีผลการเรียนแย่ลงจริง !

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนักวิจัย ผู้ปกครอง และองค์กรหลายแห่ง ต่างช่วยกันหาคำตอบว่า การให้เด็กใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลามากเกินไปนั้น ส่งผลให้ทักษะการเรียนของพวกเขาตกต่ำลงจริงหรือไม่

เมื่อไม่นานมานี้ โครงการประเมินนักศึกษานานาชาติ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “PISA” ซึ่งมีการจัดสอบทุกๆ 3 ปี โดยทำการทดสอบเด็กอายุ 15 ปี จากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ทั้งทักษะด้านคณิตศาสตร์ การอ่าน และวิทยาศาสตร์ ได้ทำการเผยแพร่คะแนนสอบนักเรียนปีล่าสุด (2022) ออกมาสู่สาธารณะ และผลปรากฏว่า คะแนนเฉลี่ยของเด็กจากทุกประเทศตกต่ำลงอย่างมาก

ทั้งนี้ คะแนนสอบยังเผยให้เห็นว่า เด็กอายุ 15 ในสหรัฐอเมริกาทำคะแนนด้านคณิตศาสตร์ได้ต่ำกว่าปีอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ของการทดสอบมาก ทั้งที่ปกติแล้วพวกเขาจะทำคะแนนเฉลี่ยได้เท่าๆ กับเพื่อนๆ ทั่วโลก แต่หลังจากการระบาดของโควิด – 19 คะแนนของเด็กๆ ในสหรัฐอเมริกาก็ตกต่ำลงเกือบ 3 เท่า หากเทียบกับการสอบครั้งก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่น่าสนใจกว่าคะแนนสอบที่ตกต่ำลงในช่วงโควิด เพราะถ้าดูจากสถิติ จะพบว่าเด็กอายุ 15 ในสหรัฐอเมริกาคะแนนเฉลี่ยลดลงเรื่อยๆ มาหลายปีแล้ว แม้กระทั่งก่อนเกิดการระบาดของ โควิด – 19 ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ถ้าดูจากคะแนน PISA ของทุกประเทศย้อนหลัง จะพบว่าคะแนนด้านวิทยาศาสตร์ พุ่งสูงสุดในปี 2009 และคะแนนการอ่านพุ่งสูงสุดในปี 2013 แต่หลังจากนั้นประเทศที่พัฒนาแล้วกลับมีผลคะแนน PISA "แย่ลงเรื่อยๆ" และไม่มีประเทศไหนมีแนวโน้มได้คะแนนสูงขึ้นใน 3 ทักษะอีกเลย แม้แต่ในประเทศที่มีผลการเรียนดีอย่างฟินแลนด์ สวีเดน และเกาหลีใต้นั้น ผลสอบ PISA ในทักษะใดทักษะหนึ่งก็มีคะแนนลดลงมาระยะหนึ่งแล้ว

PISA เผย สมาร์ทโฟนทำให้เด็กมีผลการเรียนแย่ลงจริง !

แล้วอะไรที่ทำให้คะแนนของนักเรียนทั่วโลกลดลง? ในประเด็นนี้ รายงานจาก PISA เสนอเหตุผล 3 ประการที่ทำให้ต้องสงสัยว่า “สมาร์ทโฟน” อาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ประการแรก PISA พบว่า นักเรียนที่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมงขณะอยู่ที่โรงเรียน มีคะแนนทักษะคณิตศาสตร์สูงกว่า นักเรียนที่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลวันละ 5 ชั่วโมงในโรงเรียนประมาณ 50 คะแนน และความแตกต่างนี้ยังคงเหมือนเดิมแม้จะวัดแบบปรับปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยแล้วก็ตาม

ประการที่สอง หน้าจอจากอุปกรณ์ดิจิทัลเหมือนจะมีรบกวนสมาธิเด็กทั่วทั้งโรงเรียน แม้กับนักเรียนที่ไม่ได้มองหน้าจอตลอดทั้งวันก็ตาม ประเด็นนี้ “อันเดรอัส ชไลเชอร์ (Andreas Schleicher) ” ผู้อำนวยการสถาบันสำรวจ PISA ได้เผยว่า นักเรียนสามารถฟุ้งซ่านได้เพียงแค่เพื่อนข้างๆ ควักสมาร์ท โฟน ออกมาเล่น และนักเรียนที่โดนสมาร์ท โฟน ของเพื่อนรบกวนจะมีแนวโน้มทำคะแนนทักษะคณิตศาสตร์ได้น้อยลง

ประการที่สาม รายงานยังเผยว่าเด็กเกือบครึ่งที่เข้าร่วมการสอบ รู้สึก"ประหม่า" และ "วิตกกังวล" เมื่อไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ๆ ทำให้นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเด็กวิตกกังวลกับมือถือมาก คะแนนสอบก็จะยิ่งน้อยลงไปด้วย

“โดยรวมแล้ว นักเรียนที่ใช้เวลาดูโทรศัพท์มากๆ จะมีแนวโน้มเรียนแย่ลง และยังทำลายสมาธิของเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัวอีกด้วย”

สมาร์ทโฟนทำให้เด็กมีผลการเรียนแย่ลง

ทั้งนี้ทั้งนั้น การบอกว่า “โทรศัพท์ทำให้เด็กๆ โง่ลง” นั้น อาจจะเป็นการตีความแบบเหมารวมเกินไป แต่การสำรวจของ PISA ครั้งล่าสุดไม่ใช่เพียงหลักฐานเดียวที่ชี้ให้เห็นว่า โทรศัพท์คือปัจจัยสำคัญที่เบี่ยงเบนสมาธินักเรียนออกจากการสอบ เพราะยังมีการศึกษาอีกมากที่พบว่า การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป มีความสัมพันธ์กับผลการสอบที่ตกต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ และนักเรียนที่อยู่ห่างจากโทรศัพท์มือถือ จะทำข้อสอบได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านการศึกษาหลายคนในสหรัฐอเมริกาได้ตั้งข้อสังเกตว่า ศักยภาพของเด็กๆ ในประเทศตะวันตกเริ่มร่วงลงอย่างรวดเร็วหลังจากปี 2012 ซึ่งตรงกับช่วงที่ สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียเริ่มเข้ามามีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กวัยรุ่นทั่วโลกพอดี และนักวิจัยบางคน ก็เสนอให้ห้ามใช้สมาร์ทโฟนในห้องเรียน เพื่อกระตุ้นให้เด็กโฟกัสในเรื่องเรียนมากขึ้นอีกด้วย

 

ที่มา THE ATLANTIC 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related