svasdssvasds

ไทย-กัมพูชา เห็นพ้อง เริ่มเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล บูมพลังงาน

ไทย-กัมพูชา เห็นพ้อง เริ่มเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล บูมพลังงาน

โอกาสเพิ่มแหล่งก๊าซธรรมชาติ!ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องเริ่มเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ขุมทรัพย์พลังงาน 20 ล้านล้านบาท

รัฐบาลชุดนี้มีความพยายามทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาพลังงาน ที่เป็นปัญหาก่อนหน้านี้ทำเอาประชาชนเดือดร้อน จึงทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ต้องเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงานอย่างเร่งด่วน และหาแหล่งใหม่ๆในการเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ล่าสุด นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” ในการเสวนา Thailand Energy Executive Forum ว่า พลังงานถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ทุกภาคส่วนตั้งแต่ บริษัทต่างชาติที่ได้ชักชวนให้มาลงทุน ตลอดจนภาคส่วนเกษตรกร ต้องการพลังงานสะอาดที่ราคาถูก  ประเทศไทยจึงต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ

1. แหล่งพลังงาน รัฐบาลต้องเร่งเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานในอ่าวเพิ่ม

2. ความพร้อม ซึ่งเรามีศักยภาพที่ได้เปรียบกว่าเพราะมีพื้นที่สำหรับการผลิต (Clean and Green Energy) แต่ต้องมีการอัพเกรดระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เพื่อเสริมความพร้อมระยะยาวด้วย

และ 3.ราคาพลังงาน ต้องเป็นราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ จะช่วยประชาชนและภาคเอกชนไปพร้อมกันผ่านกลไกตลาดที่ถูกต้อง

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA) ระหว่างไทยและกัมพูชา จากการหารือมีความเห็นที่ตรงกันว่าต้องเร่งพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งในส่วนนี้แม้ว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวในเรื่องของเขตแดนก็ถึงเวลาที่ทั้งสองประเทศจะพูดคุยกันโดยเร็วเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

 

“เรื่องนี้หลายคนสนใจ และบอกว่าเป็นขุมทรัพย์ใต้ทะเล เป็นขุมทรัพย์ทางพลังงานพร้อมมีการคาดการณ์ว่ามีมูลค่ากว่า 20 ล้านล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ handle with care คือมีเรื่องของราคาพลังงานและเขตแดนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเราต้องทำให้ทันกับการใช้พลังงาน เพราะแม้จะมีความต้องการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น แต่ความจำเป็นในการใช้ก๊าซธรรมชาติของทั้งสองประเทศก็ยังมีอยู่ เรื่องนี้จึงต้องมีการเดินหน้าเจรจาโดยเร็ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี บอกอีกว่า ประเทศไทยนั้นตอนนี้เราไม่มีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทนี้แต่ว่าหลายประเทศนั้นมีเทคโนโลยีอยู่ทั้งสหภาพยุโรป (EU) ฝรั่งเศส และจีน ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถที่จะเรียนรู้และเก็บข้อมูลไว้ก่อนเพื่อที่ในอนาคตหากที่จะต้องตัดสินใจก็จะสามารถที่จะตัดสินใจได้ถูกต้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related