svasdssvasds

“สวัสดิการแห่งรัฐ” มุ่งลดค่าครองชีพ สู่..ความมั่นคงทางการเงินประชาชน

“สวัสดิการแห่งรัฐ” มุ่งลดค่าครองชีพ สู่..ความมั่นคงทางการเงินประชาชน

กระทรวงการคลัง ยังคงเดินหน้าช่วยประชาชนลดค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆมากมาย ในรูปแบบ“สวัสดิการแห่งรัฐ” มุ่งลดค่าครองชีพ สู่..ความมั่นคงทางการเงินประชาชน

ความเหลื่อมล้ำ (Inequality) เป็นสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาในหลายประเทศทั่วโลกกำลังพยายามลดมันลง ซึ่งนับได้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโลกที่ทำให้องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ได้มีการหยิบยกเป็นวาระสำคัญของประชาคมโลก เพื่อก้าวย่างสู่ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีความกินดี อยู่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงมีขีดความสามารถในการเข้าถึงบริการจากภาครัฐได้อย่างทั่วถึง มีอาชีพการงาน รายได้ที่มั่นคง รายได้ต่อหัวของประชากรต่อปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยก็เช่นกันที่ยังคงเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆมากมาย อย่างเช่น โครงการสวัสดิการของรัฐ หรือที่เรียกกันว่า มาตรการที่รัฐคิดขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุน ให้ประชาชน กลุ่มที่มีรายได้น้อย เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้พิการ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะยากลำบาก ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยที่ผ่านมาประเทศไทยของเรามีโครงการสวัสดิการแห่งรัฐมากมาย เช่น

  • บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน

-เพื่อให้เงินช่วยเหลือรายเดือนสำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายในร้านธงฟ้า

-ประชาชนจะมีสิทธิ์รับคืนภาษีการใช้จ่าย สามารถลดค่าน้ำ-ค่าไฟ

  • เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

-ให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนตามช่วงอายุ

  • เบี้ยความพิการ

-ให้ผู้พิการที่ลงทะเบียนจะได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือน และอาจได้รับอุปกรณ์ช่วยเหลือหรือการฟื้นฟูสมรรถภาพ

  • ประกันสังคมมาตรา 33, 39, 40

-โดยจะเป็นระบบประกันที่ครอบคลุมเรื่องการเจ็บป่วย ว่างงาน ชราภาพ ทุพพลภาพ และการคลอดบุตร

  • โครงการเรียนฟรี 15 ปี

-ทั้งนี้จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายการศึกษาในระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย เช่น ค่าเล่าเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียน

  • โครงการคนละครึ่ง

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐช่วยจ่ายค่าอาหาร/สินค้า 50% เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

  • โครงการเราไม่ทิ้งกัน / เราชนะ / ม.33 เรารักกัน

-เป็นโครงการเฉพาะกิจที่ทำโควิด-19 เพื่อเยียวยาประชาชน และแรงงาน

หากจะโฟกัสเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค และส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม เป็นต้น วันนี้จะพามาอัปเดต คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียน ปี 2568  รายละเอียดดังนี้

  • สัญชาติไทย
  • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  • รายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
  • ทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝาก พันธบัตร ต้องมีมูลค่ารวมไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินเกินเกณฑ์ที่กำหนด
  • ไม่มีบัตรเครดิต
  • ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป หรือวงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
  • ไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จบำนาญ และข้าราชการการเมือง

สำหรับแนวทางการพัฒนาและปรับปรุง “รัฐสวัสดิการ” เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น สร้างความเท่าเทียม เร่งเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยรัฐได้วางแนวทางไว้ดังนี้

1. เร่งขยายขอบเขตของรัฐสวัสดิการ

-เพิ่มสิทธิขั้นพื้นฐานให้ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต

-ให้ศึกษาฟรีตั้งแต่อนุบาลถึงอุดมศึกษา

-ให้การรักษาพยาบาลฟรีสำหรับทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิประกันสังคม หรือบัตรทอง เท่านั้น

-เร่งดูแลเด็กเล็ก และผู้สูงอายุโดยรัฐ

-พร้อมสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับผู้ว่างงาน หรือผู้มีรายได้น้อยให้ครบถ้วน

2. หนุนใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

-เร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลประชาชนแบบรวมศูนย์ เพื่อให้เข้าถึงสิทธิได้โดยไม่ต้องยื่นเอกสารให้ซ้ำซ้อน

-ให้บริการรัฐสวัสดิการผ่านแอปพลิเคชัน หรือช่องทางออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ในพื้นที่ห่างไกล

3. กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นให้มีบทบาทมากขึ้น

-ให้ท้องถิ่นสามารถจัดบริการสวัสดิการได้ตามบริบทพื้นที่ เช่น บริการพี่เลี้ยงเด็กในชุมชน หรือศูนย์ดูแลผู้สูงวัย

-เร่งจัดสรรงบประมาณแบบยืดหยุ่นแก่ท้องถิ่น

4. เร่งลดเงื่อนไขและขั้นตอนการเข้าถึง

-เดินหน้าปรับปรุงระบบลงทะเบียนให้เข้าถึงง่าย ไม่ต้องเดินทางไกล

-ลุยใช้ระบบ “สวัสดิการถ้วนหน้า” แทนการคัดกรองตามรายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกหล่นของกลุ่มเปราะบาง

5. เพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการอย่างยั่งยืน

-ปรับโครงสร้างภาษี เช่น เก็บภาษีทรัพย์สินหรือรายได้สูงขึ้นในกลุ่มที่มีความสามารถจ่าย เพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการ

-ลดการรั่วไหลของงบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

6. เร่งสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน

-เปิดช่องทางให้ชุมชนและองค์กรภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบและตรวจสอบระบบสวัสดิการ

-เร่งส่งเสริมความรู้เรื่องสิทธิและการเข้าถึงสวัสดิการในชุมชนอย่างทั่วถึง

เชื่อว่าโครงการสวัสดิการของรัฐ ไม่ว่าจะตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน และในอนาคต จะยังเป็นมาตรการที่รัฐออกมาเพื่อช่วยเหลือ สนับสนุน ให้ประชาชน กลุ่มที่มีรายได้น้อย  ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้พิการ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะยากลำบาก ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และมีชีวิตที่ดีขึ้น

 

related