ผู้เชี่ยวชาญออกมาแสดงความกังวล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับของขวัญและการลงทุนจากต่างประเทศ อาจถือเป็นการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดการถกเถียงกันอย่างเข้มข้น เกี่ยวกับแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ตั้งใจจะรับเครื่องบินหรูมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์ เป็นของชวัญจากราชวงศ์ผู้ปกครองกาตาร์ รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นการเปิดกว้างแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่การรับของขวัญเหล่านี้อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตให้ทำได้หรือไม่
หากอ้างอิงจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา มีบทบัญญัติสองประการที่กำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับประธานาธิบดีในการรับของจากต่างประเทศ คือบทบัญญัติที่ระบุว่า [ รัฐสภาสหรัฐฯ ต้องอนุมัติของขวัญใดๆ จาก "กษัตริย์ เจ้าชาย หรือรัฐต่างประเทศ" ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ] และอีกข้อที่เรียกว่า บทบัญญัติเกี่ยวกับค่าตอบแทนภายในประเทศ ซึ่ง [ ห้ามไม่ให้ประธานาธิบดีรับของขวัญเกินกว่าเงินเดือนสำหรับงานที่ทำ ]
อย่างไรก็ตาม รัฐสภาได้เคยอนุมัติการรับมอบของขวัญจากรัฐบาลต่างประเทศอย่างชัดเจนมาแล้ว ในปี พ.ศ. 2420 นั่นคือตอนที่สหรัฐฯ ได้ยอมรับเทพีเสรีภาพเป็นของขวัญจากฝรั่งเศส และเงื่อนไขค่าตอบแทนจากต่างประเทศก็ไม่ได้ห้ามประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2009 ซึ่งรวมถึงเงินสด 1.4 ล้านดอลลาร์
ขณะที่การรับของขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้คำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ระบุว่าเขาจะปรับปรุงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ขึ้นใหม่เพื่อให้ "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยไม่คำนึงถึงความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนหรือกฎหมายระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับผลประโยชน์สูงสุดของธุรกิจและผู้เสียภาษีชาวอเมริกันเท่านั้น
แต่บ่อยครั้งที่ผลประโยชน์ของอเมริกัน ก็นับเป็นผลประโยชน์ของทรัมป์เช่นกัน เมื่อความมั่งคั่งของครอบครัวเขาพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ตามการประมาณการของสื่อ และผลประโยชน์ที่ได้รับจากสกุลเงินดิจิทัลและข้อตกลงการลงทุนอื่นๆ อาจสูงกว่านี้มากอาจสูงกว่านี้มาก อีกทั้งยังมมีข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการลงนามโดยหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ ซึ่งหมายความว่าการสนับสนุนทางการเมืองของพวกเขาสามารถแปลงเป็นสัญญาที่ทำกำไรได้ในต่างประเทศ
ริชาร์ด เพนเตอร์ อดีตทนายความด้านจริยธรรมประจำทำเนียบขาวแสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า เมื่อมีการเจรจากับประเทศอื่นๆ จุดยืนในการเจรจาของสหรัฐฯ อาจจะเปลี่ยนไป หากมีใครมอบผลประโยชน์หรือมอบของขวัญให้แก่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการพยายามคลี่คลายสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตะวันออกกลาง หรืออะไรก็ตาม เมื่อทั่วโลกมองว่าผู้นำของสหรัฐฯ สามารถถูกโน้มน้าวหรือซื้อใจได้
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนมองว่า นโยบายต่างประเทศของอเมริกากำลังถูกขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด ซึ่งมาในรูปแบบของการแข่งมอบของขวัญให้กับประธานาธิบดีทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เรียกเครื่องบินมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ดังกกล่าวว่าเป็น “น้ำใจอันยิ่งใหญ่” จากกาตาร์ และกล่าวว่าจะเป็นเรื่อง “โง่เขลา” หากเขาปฏิเสธที่จะรับมัน