svasdssvasds

"ศึกษิษฏ์" กางแผนยกระดับ Fun Economy ไทย ผ่านสถานบันเทิงครบวงจร

"ศึกษิษฏ์" กางแผนยกระดับ Fun Economy ไทย ผ่านสถานบันเทิงครบวงจร

รองเลขาธิการนายกฯ เผยแผนรัฐบาลเดินหน้า "Fun Economy" มูลค่า 14% ของ GDP โลก ชี้เปิด Entertainment Complex สร้างงานกว่าหมื่นตำแหน่ง ดึงคอนเสิร์ต-โชว์ระดับโลก

SHORT CUT

  • "Fun Economy" ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ความบันเทิง และการกีฬา คิดเป็น 14% ของจีดีพีโลก
  • เตรียมดึงนักลงทุนระดับโลกมาลงทุนและคาดว่าเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท และจะสร้างงานกว่าหมื่นตำแหน่ง
  • ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีป้องกันการติดการพนันและมีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดในหลายประเทศ

รองเลขาธิการนายกฯ เผยแผนรัฐบาลเดินหน้า "Fun Economy" มูลค่า 14% ของ GDP โลก ชี้เปิด Entertainment Complex สร้างงานกว่าหมื่นตำแหน่ง ดึงคอนเสิร์ต-โชว์ระดับโลก

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการ "NBT มีทางออก" เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ถึงความคืบหน้าโครงการ Entertainment Complex ของรัฐบาล ระบุเป็น "ทางแยกสำคัญ" ของประเทศ หวั่นเสียโอกาสหากไม่ดำเนินการ พร้อมเผยบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกสนใจลงทุนแล้ว ย้ำมาตรการควบคุมเข้มงวดป้องกันผลกระทบทางสังคม

นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า โครงการ Entertainment Complex จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยขณะนี้ "Fun Economy" ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ความบันเทิง และการกีฬา คิดเป็น 14% ของจีดีพีโลก ใหญ่กว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ถึง 5 เท่า

"นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ของประเทศที่จะสามารถเจาะเข้าไปในธุรกิจนี้ได้ ช่วยให้ไทยสามารถกระจายความเสี่ยงและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว"

นายศึกษิษฏ์กล่าวเสริมว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชนชั้นกลางทั่วโลกกำลังขยายตัวมากขึ้น และนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ต้องการประสบการณ์ที่มากกว่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบเดิม

รองเลขาฯ นายกฯ อ้างถึงผลการศึกษาจากดอกเตอร์โบว์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการร่างกฎหมายและเป็น Co-Founder ของ Global Alliance for Responsible Gaming ที่ได้ศึกษาทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและมาตรการในการควบคุมผลกระทบทางสังคม

นายศึกษิษฏ์ ยังชี้ว่า ปัจจุบันธุรกิจ Entertainment Complex ทั่วโลกเปลี่ยนโฉมจากการเน้นการพนันมาเป็นรูปแบบที่เน้นครอบครัว (Family Oriented) มากขึ้น ทำให้รายได้จากส่วนที่ไม่ใช่การพนันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยในลาสเวกัสรายได้เกินกว่าครึ่งมาจากส่วนที่ไม่ใช่การพนัน

"ถ้าดูตัวเลขจากโอซาก้า จะเห็นได้ชัดว่าสามารถขยับตัวเศรษฐกิจได้มีมัลติพลายเออร์เอฟเฟคที่สูง ทั้งในด้านการก่อสร้าง การจ้างงานระยะยาว และการสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม"

นายศึกษิษฏ์ยกตัวอย่างความสำเร็จจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่ Marina Bay Sands สร้างรายได้ถึง 0.6% ของจีดีพีประเทศ ขณะที่คอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่สิงคโปร์สามารถขยับจีดีพีได้ 0.1% ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

"ปัญหาของประเทศไทยคือเรามีโลว์ซีซั่น ช่วงที่อากาศร้อนและฝนตกเยอะ ทำให้งานใหญ่ๆ ที่ต้องจัดในสถานที่ปัจจุบันของเราไม่เพียงพอ เช่น สนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือ สนาม SCG ซึ่งไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อจัดโชว์ระดับโลก ทั้งในแง่ระบบเสียง ระบบแสง เวทีที่ยกขึ้นมาจากข้างล่างได้ และที่สำคัญคือหลังคาและระบบปรับอากาศ รวมถึงบูธ VIP" 

รองเลขาฯ นายกฯ ยังเปิดเผยว่า เราไม่ต้องการให้รัฐลงทุนสร้างเอง เพราะไม่ใช่แค่จ่ายครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องมีการบริหารจัดการซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณมหาศาล แต่จะใช้เงินลงทุนเอกชน 100% ทั้งการสร้างและบริหารจัดการ โดยเน้นดึงนักลงทุนระดับเอลิทที่เป็นบริษัทระดับโลกที่มีการบริหารจัดการและถูกกำกับโดยเรกกูเลเตอร์และตลาดหลักทรัพย์ระดับโลก

ด้านความกังวลเรื่องผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาการติดการพนัน นายศึกษิษฏ์ระบุว่า จากการศึกษาพบว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่เพียงการปราบปราม แต่ต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากการติดการพนันอาจเป็นปัญหาทางจิตวิทยาที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างเป็นระบบ

นายศึกษิษฏ์ อธิบายว่า เรามีมาตรการป้องกันโดยใช้หลัก PETER ซึ่งประกอบด้วย Prevention (การป้องกัน), Education (การให้ความรู้), Treatment (การบำบัดรักษา), Enforcement (การบังคับใช้กฎหมาย) และ Research (การวิจัย) ซึ่งสิงคโปร์เคยเน้นแค่การป้องกันและการบังคับใช้กฎหมาย แต่ยังคงมีปัญหาการติดการพนัน หลังจากนั้นจึงนำงานวิจัยต่างๆ เข้ามาช่วยปรับใช้ ทำให้สามารถลดปัญหาการพนันได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุม เช่น ระบบ "สมาร์ทเทเบิล" และการใช้ชิปที่มีการติด RFID ทำให้ทุกบาททุกสตางค์ที่มีการแลกและใช้ภายในพื้นที่สามารถติดตามได้ "การกำกับดูแลจะเข้มงวดเหมือนหรือมากกว่าสถาบันการเงินด้วยซ้ำ" 

ด้านความคืบหน้าของร่างกฎหมาย นายศึกษิษฏ์ระบุว่า เนื่องจากกฎหมายนี้มีความใหม่และมีข้อถกเถียงเยอะ จึงอยากใช้เวทีกรรมาธิการในการช่วยปรับให้ พ.ร.บ. มีความรัดกุมยิ่งขึ้น โดยรายละเอียดต่างๆ เช่น จำนวนใบอนุญาต หรือการใช้เงินที่ได้จากการลงทุน สามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ นายศึกษิษฏ์ยืนยันว่าจะมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่จะมีการก่อสร้างโครงการด้วย

นายศึกษิษฏ์ยังเปิดเผยว่า มีบริษัทชั้นนำระดับโลกแสดงความสนใจลงทุนในไทยแล้ว อาทิ Wynn Resorts ซึ่งกำลังลงทุนที่ดูไบและ MGM International Resorts ซึ่งเพิ่งลงนามสัญญาลงทุนที่โอซาก้า

"พวกเขามองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่แล้ว มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดการลงทุน" 

นายศึกษิษฏ์ยังระบุว่า โครงการนี้จะสร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งต่อโครงการ และช่วยสนับสนุนธุรกิจ SME ไทยผ่าน Supply Chain ที่หลากหลาย เช่น ในสิงคโปร์ 90% ของผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีการจับจ่ายซื้อใช้สอยในประเทศทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้สินค้าการเกษตร สินค้า OTOP และผู้ประกอบการไทยได้ขยายตลาด

ทั้งนี้ การออกใบอนุญาต 2 ฉบับคาดว่าจะสร้างการลงทุนมากกว่า 300,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1% ของงบประมาณแผ่นดิน และนี่เป็นเพียงการลงทุนเริ่มต้น ยังไม่รวมผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว

 

related