"วิจัยเตือน คนจีนเผชิญภาระโรคสมองเสื่อมเพิ่ม 3 เท่าใน 30 ปี เสี่ยงวิกฤติสุขภาพกายหากไม่เร่งคุมเบาหวาน-บุหรี่"
แนวโน้มผู้ป่วยอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมในจีนกำลังเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่น่ากังวล แซงหน้าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างเห็นได้ชัด นี่คือผลการศึกษาจากนักวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งเผยแพร่ผลวิจัยล่าสุดในวารสาร PLOS One องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐอเมริกา
ข้อมุลนี้ ชี้ให้เห็นว่าจีนกำลังแบกรับภาระโรคทางระบบประสาทอย่างไม่สมดุล และจำเป็นต้องมีมาตรการรับมืออย่างเร่งด่วน !
แม้อัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมจะเป็นปัญหาสุขภาพที่เติบโตทั่วโลก แต่ในกรณีของจีน ความเข้าใจเรื่องปัจจัยเสี่ยงและภาระโรคที่แท้จริงยังคงไม่ชัดเจน งานวิจัยนี้จึงอาศัยข้อมูลขนาดใหญ่จาก Global Burden of Disease (GBD) ซึ่งรวบรวมสถิติจาก 204 ประเทศ ครอบคลุมโรคและปัจจัยเสี่ยงมากกว่า 370 รายการ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี (1990-2021)
ผลที่ได้ค่อนข้างชัดเจน จีนมีจำนวนผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นราว 2 เท่า โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอัตราความชุกของโรคสูงกว่าผู้ชาย สืบเนื่องจากอายุขัยที่ยืนยาวกว่า แม้ว่าผู้ชายจะมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้สูงกว่าเล็กน้อย
สิ่งที่น่ากังวลคือแนวโน้มในอนาคต นักวิจัยคาดการณ์ว่าในอีก 15 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยจะยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากไม่มีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เร่งให้ภาวะสมองเสื่อมแย่ลงในจีน ได้แก่ น้ำตาลในเลือดสูงจากเบาหวาน ซึ่งกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่ง แซงหน้าการสูบบุหรี่และภาวะอ้วน งานวิจัยยังเชื่อมโยงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นกับการเติบโตของประชากร การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์หลังเศรษฐกิจจีนเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว
นักวิจัยเสนอให้เร่งลดปัจจัยเสี่ยง เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมแนะให้มีมาตรการเฉพาะกลุ่มเพศ เพื่อให้สามารถแทรกแซงโรคได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ที่มา : independent
ข่าวที่เกี่ยวข้อง