svasdssvasds

ย้อนเหตุ นรต. ร่มไม่กาง ถึง เฮลิคอปเตอร์ตก สะท้อนระบบซ่อมบำรุง

ย้อนเหตุ นรต. ร่มไม่กาง  ถึง เฮลิคอปเตอร์ตก สะท้อนระบบซ่อมบำรุง

สองโศกนาฏกรรมในรอบสิบปี นรต.ร่มไม่กาง สู่ เฮลิคอปเตอร์ตก สะท้อนปัญหาระบบซ่อมบำรุง ที่ส่งผลต่อชีวิตกำลังพลข้าราชการตำรวจ

ย้อนกลับไป 31 มีนาคม 2557 นักเรียนนายร้อยตำรวจ 2 นาย เสียชีวิตระหว่างการฝึกกระโดดร่มที่ค่ายพระรามหก จ.เพชรบุรี
สาเหตุไม่ใช่ความผิดพลาดของผู้ฝึก แต่เกิดจาก “ลวดสลิงสเตติกไลน์ขาดกลางอากาศ” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ควรกระตุกร่มให้กาง
.
สิบปีต่อมา เฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกกลางป่า เสียงคำถามเดิมจึงกลับมาอีกครั้ง:

ชีวิตของกำลังพล มีมูลค่าแค่ไหนในสายตาผู้บังคับบัญชา?

วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เฮลิคอปเตอร์ Bell 212 หมายเลข 2215 ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ตกขณะปฏิบัติภารกิจ

ย้อนเหตุ นรต. ร่มไม่กาง  ถึง เฮลิคอปเตอร์ตก สะท้อนระบบซ่อมบำรุง

ทั้งสองเหตุการณ์นี้อาจดูเป็น “อุบัติเหตุ”
แต่เมื่อลองพิจารณาให้ลึกขึ้น มันสะท้อนถึงระบบที่อาจเปิดช่องให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ถึงระบบซ่อมบำรุงและกระบวนการตรวจสอบอุปกรณ์ที่อาจยังมีช่องโหว่
 

ย้อนเหตุ นรต. ร่มไม่กาง  ถึง เฮลิคอปเตอร์ตก สะท้อนระบบซ่อมบำรุง

ปี 2557:
มีรายงานว่าอุปกรณ์ถูกดัดแปลงโดยใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการตรวจสอบความสมบูรณ์ก่อนใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

ปี 2568:
นักบินผู้เสียชีวิตเคยเตือนว่า “เครื่องไม่พร้อมบิน”

รวมถึง มีข้อมูลภายในระบุว่า ฮ.ลำนี้เคยมีปัญหาระบบไฮดรอลิกมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ควบคุมทิศทางไม่ได้ และนักบินต้องทิ้งตัวฉุกเฉิน


นอกจากนี้ กองบินตำรวจมีเฮลิคอปเตอร์ 63 ลำ แต่กลับมีเพียง 9 ลำที่พร้อมใช้งาน และมีข้อสังเกตจากผู้ปฏิบัติงานว่า ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการรออะไหล่ หรือการซ่อมที่เร่งรีบโดยหวังเบิกงบประมาณ
 

คำถามคือ นี่คือปัญหาจากความหละหลวมในการจัดซื้อ?
กระบวนการตรวจรับที่อาจยังขาดความรัดกุม?
หรือระบบที่ยังไม่ยึด “ความปลอดภัยของกำลังพล” เป็นหัวใจ?

หากระบบซ่อมบำรุงมีมาตรฐานจริง
หากเสียงเตือนจากนักบินได้รับการรับฟัง
หากชีวิตถูกให้ความสำคัญมากกว่าตัวเลขงบประมาณ

โศกนาฏกรรมเหล่านี้... อาจไม่เกิดขึ้นเลย
 

related