เปิดข้อถกเถียงเรื่องสิทธิในการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ สะท้อนความหลากหลายทางเพศ พร้อมไปดูประเทศที่ให้สิทธิประชาชนเลือกเปลี่ยนเพศสภาพของตนเองได้ โดยมีกฎหมายรองรับ
“กะเทยไทยควรใช้นางสาวได้แล้ว”
“เห็นด้วยเรื่องสมรสเท่าเทียม แต่ไม่ควรเรียกร้องจนล้ำเส้นสิทธิสตรีจนเกินเหตุ”
“โรคบางโรคเกิดขึ้นแค่กับบางเพศ ถ้าคนไข้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อจะยากต่อการรักษา”
สังคมไทยที่มีความหลากหลายทางเพศ คุณคิดว่าเราพร้อมหรือยัง ที่จะให้ประชาชนสามารถเลือกคำนำหน้าชื่อได้เอง โดยมีกฎหมายรองรับ และมีข้อกังวลใดบ้างที่เราต้องจับเข่าคุยกันอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อต้นปี 2567 รัฐสภามีมติ “ไม่เห็นด้วย” กับร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านามและการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. ... ที่เสนอโดย นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล
ในร่างของอดีตพรรคก้าวไกล เสนอว่า ผู้ต้องการร้องขอ ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี หากต่ำกว่านั้นต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา เอกสารรับรองจากจิตแพทย์ และไม่เคยเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
อย่างไรก็ดี หากได้รับการรับรองบุคคลที่ผ่านเงื่อนไข บุคคลนั้นสามารถใช้คำนำหน้านามต้องเพศสภาพที่ขอรับรองไว้ได้ โดยมี 3 รูปแบบคือ เพศสภาพชาย เพศสภาพหญิง และเพศสภาพหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น พี่กะเทยก็สามารถเปลี่ยนเป็นนางสาวได้หรือนางได้ เป็นต้น
เพศสภาพ หรือ gender คือ สถานะทางเพศที่สังคมกำหนด โดยมักพิจารณาจากรูปร่าง บุคคลิก การแสดงออก เช่น ผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ทอม กะเทย ดี้ ฯลฯ แน่นอนว่าชายกับหญิงเป็นของคู่กันมาโดยตลอดเหมือนส้อมกับช้อน
แต่ยุคนี้ นิยามความรักนั้นมีหลายเฉดมากกว่าแค่ชายกับหญิง มีคู่ชายรักชาย หญิงรักหญิง ทอมรักกะเทย สารพัดความหลากหลายเกินจะกล่าวหมดในตอนนี้ แน่นอนว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้วเรียบร้อย คู่รัก LGBTQ+ จดทะเบียนได้อย่างเสรี และถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ปัญหาคือ บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ยังคงถูกเลือกปฏิบัติจากภาครัฐ ทั้งยังถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานสังคม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของสองเพศเท่านั้นคือ ชายกับหญิง ทั้งที่ความเป็นจริง มนุษย์ควรมีอิสระในการแสดงออก นิยาม รวมถึงกำหนดเจตจำนงของตัวเองได้
ทั้งนี้ ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฝ่าย (อดีต พรรค กก. / กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว / ภารประชาชน) จึงเห็นว่าควรมีกฎหมายการรับรองเพศ เพื่อรับรองสิทธิในการกำหนดเพศสภาพของตนเอง
หลังการรวบรวมข้อมูลจากทั้ง สส. ในรัฐบาลที่แล้ว เมื่อปี 2567 รวมถึงความเห็นของคนในโซเชียลมีเดีย หลายคนพูดไปในทางเดียวกันว่า จนเกิดปัญหาตามมาแน่ ๆ โดยมีประเด็นหลัก ดังนี้
ไม่ว่าคุณจะนิยามตัวเองว่าเป็นเพศอะไร คุณคิดเห็นอย่างไรต่อกรณีการเรียกร้องให้บุคคลสามารถเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้เอง
ในยุโรปมีกฎหมายว่าด้วยเรื่อง “การตัดสินใจด้วยตนเอง” หรือ self-determination หมายถึง บุคคลสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนชื่อ เพศ หรือเพศสภาพได้เอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลที่สามเช่น บิดามารดา หรือจิตแพทย์
มองไปในประเทศที่ใกล้ไทยอย่าง ฮ่องกง ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2023 ศาลอุธรณ์สูงสุดตัดสินว่า นโยบายที่ห้ามไม่ให้บุคคลข้ามเพศเปลี่ยนเพศในบัตรประชาชน ถือเป็นการละเมิดสิทธิและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างย่ิง แต่ในแง่ปฏิบัติยังเกิดคำถามอยู่ เช่น มีกรณีกรมตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกง ที่ยังระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลข้ามเพศต้องผ่านการผ่าตัดอย่างครบถ้วนแล้ว กรณีแปลงจากหญิงเป็นชาย ต้องผ่าตัดเอามดลูกและรังไข่ออกแล้ว รวมถึงต้องสร้างอวัยวะเพศชายแล้วส่วนกรณีชายเป็นหญิง ต้องผ่าเอาอัณฑะออกแล้ว สร้างอวัยวะเพศหญิงแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง