svasdssvasds

ส่องสมรภูมิรบ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทย แบรนด์ไหนยังแข็งแกร่ง

ส่องสมรภูมิรบ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทย แบรนด์ไหนยังแข็งแกร่ง

พาส่องสมรภูมิรบ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทย แบรนด์ไหนยังแข็งแกร่ง แบรนด์ไหนใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อทางรอด แบรนด์ไหนจะอยู่จะไป?

SHORT CUT

  • หนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง และน่าจับตามองอย่างมากในปี 2568 นั่นก็คือ ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ โดยในปี2567 ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 107,000 ล้านบาท
  • แนวโน้มธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยปี 2568 คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาเทคโนโลยีและการขยายบริการดิจิทัล
  • วันนี้จะพาส่องสมรภูมิรบ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทยแบรนด์ไหนแข็งแกร่ง มีไหนใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อทางรอดแบรนด์ไหนจะอยู่จะไป?

พาส่องสมรภูมิรบ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทย แบรนด์ไหนยังแข็งแกร่ง แบรนด์ไหนใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อทางรอด แบรนด์ไหนจะอยู่จะไป?

อีกหนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง และน่าจับตามองอย่างมากในปี 2568 นั่นก็คือ ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ โดยในปี2567 ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 107,000 ล้านบาท เติบโตราว12% สำหรับแนวโน้มธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยปี 2568 คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาเทคโนโลยีและการขยายบริการดิจิทัล แต่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

พามาส่องสมรภูมิ! ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน’ ไทยว่าแต่ละแบรนด์มีความเคลื่อนไหว และใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อทางรอดของธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ รายงานอ้างถึง Mordor Intelligence บริษัทวิจัยตลาดและที่ปรึกษาระดับโลก ประเมินตลาดขนส่งพัสดุด่วนในไทยปี 2568 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2.86 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 93,999 ล้านบาท (คิดในอัตราค่าเงินบาทปัจจุบัน) คาดว่าจะโตต่อเนื่องถึง 4.04 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 132,000 ล้านบาทในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 7.16%

ทั้งนี้สินค้าหลักที่ขับเคลื่อนความต้องการบริการส่งพัสดุ ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาหาร เครื่องดื่ม ของเล่น และอุปกรณ์ดีไอวาย ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซในไทยคาดว่าจะแตะ 15.19 ล้านคนภายในปี 2572โดยอัตราการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user penetration) จะเพิ่มจาก 20.6% ในปี 2567 เป็น 24.8% ภายในสี่ปีข้างหน้า ทั้งยังมาจากแรงหนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้

จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันมี 5 ผู้เล่นหลักในตลาดขนส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย ได้แก่ “ไปรษณีย์ไทย” ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด มียอดรายได้เพิ่มขึ้น พลิกจากการขาดทุนในปีที่แล้วมาเป็นกำไรได้สำเร็จ "แฟลช เอ็กซ์เพรส" (Flash Express) ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาด เติบโตเร็ว "เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส" (J&T Express) เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากยอดส่งพัสดุของ TikTok และ เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (KEX) ที่กำลังปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ลดพอร์ตธุรกิจลง ขณะที่มีขนส่งอีกหลายรายปิดกิจการไปก่อนหน้านี้

รายงานข่าวมีการอ้างถึงบทวิเคราะห์ถึงการปรับพอร์ตของ เคอีเอ็กซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม SF Holding ของจีน สะท้อนถึงความเหนื่อยล้าในสนามรบ แม้จะเคยเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดไทย แต่การไหลของรายได้ที่ชะลอลง รวมถึงต้นทุนดำเนินงานที่สูง ทำให้บริษัทเริ่มหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์ การปิดกิจการในบางส่วนของเครือ SF Group ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ เป็นสัญญาณว่า “ทุนใหญ่” เองก็ไม่ได้แปลว่าจะยืนหยัดอยู่ได้เสมอไป หากขาดการปรับตัวเชิงโครงสร้าง

ส่วน “ไปรษณีย์ไทย” ที่มีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ มีจุดแข็งในฐานข้อมูลพื้นที่ ความไว้วางใจผู้ใช้บริการ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย กลายเป็นผู้เล่นที่ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทั้งในแง่รายได้และผลกำไร จุดที่น่าสนใจ คือ ในขณะที่เอกชนหลายเจ้าต้องถอยหรือดิ้นรน แต่ไปรษณีย์ไทยกลับสามารถ “เก็บกิน” ตลาดที่คนอื่นปล่อยวางได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สงครามราคา แต่เน้นการบริการที่มั่นคงและเข้าถึงแม้แต่พื้นที่ห่างไกล

ส่วน “แฟลช เอ็กซเพรส” หนึ่งในไม่กี่ยูนิคอร์นสายโลจิสติกส์ของไทย สร้างชื่อจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น และชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการบริการ 365 วันไม่มีวันหยุด แต่สิ่งที่ยังเป็นเงื่อนไขท้าทายคือ “ผลประกอบการที่ยังขาดทุน” แม้จะมีการขยายบริการหลายแนว ตั้งแต่แฟลชฟูลฟิลเมนต์ไปถึงบริการข้ามพรมแดน แต่เชื่อว่า สิ่งท่ีแฟลชฯ ทุ่มลงทุน และการขยายบริการ มีแนวโน้มที่ธุรกิจจะกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต

มาดูทางฟากของเจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ครบรอบ 6 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในบริการจัดส่งพัสดุ โดยจุดเด่นมากมายที่ครองใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน ESG ตามเทรนด์โลก รวมถึงการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยี มาใช้ในการทำงานให้ลูกค้า และพนักงงานได้ทำงานสะดวกสบายมากขึ้น

พร้อมยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานการบริการจัดส่งพัสดุ ด้วยระบบคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ และเครือข่ายด้านบริการขนส่งพัสดุที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้บริการจัดส่งพัสดุที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และตรงเวลา ควบคู่กับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้บริโภคและพันธมิตรทางธุรกิจ ความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมาจึงสะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำด้านโลจิสติกส์ที่มั่นคงและยั่งยืนในประเทศไทย

ทั้งหมด คือ กลยุทธ์ และความเคลื่อนไหวของแต่ละแบรนด์ แต่…สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสมรภูมินี้ไม่ใช่แค่การแย่งชิงตลาด แต่คือการเปลี่ยนผ่านจาก “ยุคทุ่มทุน” เข้าสู่ “ยุคของความยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ใครมีโมเดลธุรกิจที่แข็งแรง ใครสามารถควบคุมต้นทุน ใครสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงขยายจำนวนพัสดุหรือจุดบริการเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

related