SHORT CUT
เปิดข้อเท็จจริงมติครม. ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก: มาตรการปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่ท่าทีเฉพาะกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา
ตรวจสอบข้อเท็จจริงมติครม. ไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พบเป็นนโยบายทั่วไปที่กำหนดให้หน่วยงานราชการจัดทำข้อสงวนในสัญญาระหว่างประเทศใหม่ เพื่อป้องกันอำนาจอธิปไตย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
[ ประเด็นร้อน: ไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ]
จากกรณีที่กัมพูชาเตรียมยื่นข้อพิพาทดินแดน 4 จุดเข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ฝ่ายไทยจึงถูกจับตาว่า “ปฏิเสธอำนาจศาลโลก” เพื่อสู้คดีหรือไม่
คำตอบคือ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ และ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทครั้งนี้โดยตรง — และนี่คือการดำเนินนโยบายทั่วไปเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของไทย
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติให้หน่วยงานของรัฐ จัดทำ “ข้อสงวน” ไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ในการทำข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับใหม่ เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยของไทยตามคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หนังสือด่วนที่สุดจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุชัดว่า
เป็นนโยบายทั่วไป ไม่ใช่มติที่ออกมาเพื่อตอบโต้กัมพูชาโดยเฉพาะ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือ ศาลโลก เป็นองค์กรตุลาการของสหประชาชาติ ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
มีหน้าที่พิจารณาคดีระหว่างรัฐ และให้ความเห็นทางกฎหมายกับหน่วยงานของ UN
อย่างไรก็ตาม ศาลจะพิจารณาคดีได้ก็ต่อเมื่อ ทุกฝ่าย “ยอมรับ” อำนาจศาล
และถึงแม้จะมีคำพิพากษา ศาลก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ปฏิบัติตามได้โดยตรง ต้องอาศัยแรงกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศ
รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์เมื่อ 5 มิ.ย. 2568 ย้ำว่า การปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จะถูกแก้ไขผ่านกลไก “ทวิภาคี” ระหว่างไทย–กัมพูชา ได้แก่ JBC, GBC, RBC ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว
•มติ ครม. ไม่ใช่การตอบโต้กัมพูชา
•เป็นนโยบายทั่วไปที่ใช้กับทุกสัญญาระหว่างประเทศฉบับใหม่
•ไทยไม่เคยรับเขตอำนาจ ICJ มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
•รัฐบาลเลือกใช้ “กลไกทวิภาคี” แทนการยื่นคดีต่อศาลโลก
ที่มา : thansettakij