สรุปให้ ลอสแอนเจลิส LA ประท้วงเดือด: จุดแตกหักของชุมชนผู้อพยพ สู่การปะทะครั้งใหญ่กับรัฐ เหตุการณ์ครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน ?
การประท้วงในลอสแอนเจลิสปะทุขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) บุกจับผู้อพยพแบบผิดกฎหมายบริเวณร้าน Home Depot ในย่านพาราเมาท์ แม้ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิจะออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ “ข่าวลือ” นั้นได้จุดประกายความกลัว ความโกรธ และการลุกฮือในทันที
"เมื่อคนในชุมชนไม่แน่ใจว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะโดนจับไหม ความเงียบสงบก็ไม่มีอีกต่อไป"
ย่านพาราเมาท์ซึ่งมีประชากรกว่า 82% เป็นชาวฮิสแปนิก กลายเป็นพื้นที่ที่ตึงเครียดที่สุด เหตุเพราะผู้คนที่นี่จำนวนมากไม่มีเอกสารอยู่อาศัย และใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวอยู่แล้ว
การจับกุมผู้อพยพ 44คนในวันศุกร์โดย ICE เป็นเพียง “ฟางเส้นสุดท้าย” ความไม่ไว้วางใจสะสมจากนโยบายกวาดล้างของรัฐบาลทรัมป์ถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าโจมตีต่อเมืองที่ประกาศตัวว่าเป็น “Sanctuary City” อย่างลอสแอนเจลิส
สำหรับชาวฮิสแปนิกในเมือง พวกเขาไม่ได้มองว่านี่คือการบังคับใช้กฎหมายธรรมดา แต่คือการรุกรานชุมชนของตน
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การชุมนุมกลายเป็นการปะทะอย่างรุนแรง:
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศส่งกองกำลังป้องกันชาติ 2,000 นายเข้าสู่ลอสแอนเจลิส พร้อมกล่าวหาว่ามี “กลุ่มหัวรุนแรง” อยู่เบื้องหลัง พร้อมให้คำมั่นว่า “จะไม่ปล่อยให้ใครรอดพ้นจากความยุติธรรม”
และนี่ถือเป็น ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯระดมกำลังพลหน่วยกองกำลังป้องกันชาติเข้ามาโดยไม่ได้รับการร้องขอ หรือความยินยอมจากรัฐ
ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม ตอบโต้กลับทันที โดยระบุว่านี่คือ “การกระทำที่บ้าคลั่ง” และ “จงใจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง”
ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม ออกแถลงการณ์วิจารณ์การบุกจับของสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้ “หยุดใช้กำลัง” และหันมา “แก้ปัญหาผู้อพยพด้วยวิธีที่ครอบคลุมและมีมนุษยธรรม”