จากกรณีงานวิจัยของสิงคโปร์ มีบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการมีกาสิโนที่ถูกกฎหมายอาจไม่เพิ่มอัตราการพนันที่มีปัญหา และอาจลดลงด้วยซ้ำ นี่คือปรากฏการณ์ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
ประเด็นที่น่าสนใจ และสวนทางกับความเชื่อดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง จากกรณีศึกษาของสิงคโปร์คือ มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการมีกาสิโนที่ถูกกฎหมายอาจไม่เพิ่มอัตราการพนันที่มีปัญหา และในบางกรณีอาจลดลงด้วยซ้ำ นี่คือปรากฏการณ์ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่เมื่อพิจารณาในบริบทที่สิงคโปร์ดำเนินการอย่างเข้มงวด ก็จะเห็นเหตุผลที่ชัดเจนมากขึ้น
ก่อนที่สิงคโปร์จะเปิดกาสิโนในปี 2010 ในปี 2005 มีการสำรวจพบว่าสัดส่วนของ "นักพนันที่มีปัญหา" (problem gamblers) ในหมู่ชาวสิงคโปร์อยู่ที่ 2.1% แต่หลังจากการเปิดรีสอร์ทครบวงจร (IRs) ที่มีกาสิโนเพียงหนึ่งปี ในปี 2011 การสำรวจของ National Council on Problem Gambling (NCPG) กลับพบว่าสัดส่วนของ นักพนันที่มีปัญหาลดลงเหลือ 1.4% และสัดส่วนของ "นักพนันที่ติดการพนัน" (pathological gamblers) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอาการรุนแรง ก็ลดลงจาก 2.0% เหลือ 1.2% เช่นกัน
คำตอบอยู่ที่ปรัชญาและมาตรการการกำกับดูแลที่สิงคโปร์นำมาใช้อย่างแข็งขันและต่อเนื่อง คือ
ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า การทำให้กาสิโนถูกกฎหมายไม่ได้แปลว่าปัญหาจะเพิ่มขึ้นเสมอไป หากแต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลมีเจตจำนงทางการเมืองที่แข็งแกร่งพอที่จะสร้างและบังคับใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดหรือไม่
ในทางตรงกันข้าม การพนันใต้ดินมักจะไร้การควบคุม ไม่มีมาตรการป้องกัน หรือการช่วยเหลือใดๆ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ปัญหาบานปลายและยากต่อการแก้ไข
บทเรียนจากสิงคโปร์จึงเน้นย้ำว่า กุญแจสำคัญไม่ใช่แค่การมีหรือไม่มีกาสิโน แต่เป็นเรื่องของ "การจัดการและการควบคุม" หากมีการวางแผนที่ดี มีระบบป้องกันที่แข็งแกร่ง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ก็เป็นไปได้ที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการปกป้องพลเมืองจากอันตรายของการพนันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง