svasdssvasds

เปรียบเทียบ MOU 43 กับ MOU 44 ไทย-กัมพูชา แตกต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบ MOU 43 กับ MOU 44 ไทย-กัมพูชา แตกต่างกันอย่างไร

ย้อนดูบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา ที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน คือ MOU 43-MOU 44 ที่เริ่มดำเนินการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และยังคงยึดถือกันมาจนถึงทุกวันนี้

กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สถานการณ์ความตึงเครียดจะผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว หลังจากมีการปรับกำลัง และเข้าสู่การเจรจา JBC ในวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หากย้อนไปดูบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา มี 2 ฉบับสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดน คือ MOU 2543 และ MOU 2544 ที่เริ่มดำเนินการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และยังคงยึดถือกันมาจนถึงทุกวันนี้

รู้จัก MOU 43 คืออะไร

MOU 43 หรือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2543 เป็นบันทึกข้อตกลงที่ไทยกับกัมพูชา มีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่าง 2 ฝ่าย ที่มีมาอย่างยาวนาน เช่น บางพื้นที่มีความไม่ชัดเจนเรื่องเขตแนวเดิมที่เคยทำตั้งแต่สนธิสัญญากำหนดเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส จนทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน และกลายเป็นข้อพิพาท โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร 

เริ่มลงนามเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2543 โดยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รมว.ต่างประเทศ แม้จะไม่ใช่สนธิสัญญาและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเขตแดนแต่พบว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมากัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงหลายร้อยครั้ง โดยเฉพาะการปรับสภาพพื้นที่ชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยได้มีการประท้วงและขอให้แก้ไขอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกที่ได้สร้างเอาไว้

ความเป็นมาของ MOU ฉบับนี้ ต้องย้อนไปเมื่อปี 2537 หลังจากกัมพูชาสามารถจัดการปัญกาการเมืองภายในและจัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐบาลไทยและกัมพูชา จึงเริ่มต้นเจราจาปัญหาเขตแดนอีกครั้ง 

 

MOU 2544 ความร่วมมือด้านทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

MOU 2544 เป็นบันทึกความเข้าใจที่กำหนดกรอบและกลไก ในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปักปันเขตแดนทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนบนที่อยู่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ โดยมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ตร.กม.ซึ่งต่อไปเรียกพื้นที่ส่วนนี้ว่า “พื้นที่ทับซ้อนส่วนบน”

เรื่องการพัฒนาร่วมทรัพยากรปิโตรเลียม สำหรับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนล่างที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ ในลักษณะพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area: JDA) โดยมีพื้นที่ประมาณ 16,000 ตร.กม. ซึ่งต่อไปเรียกพื้นที่ส่วนนี้ว่า “พื้นที่ทับซ้อนส่วนล่าง” โดยต้องดำเนินการทั้งสองเรื่องในลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกัน (indivisible package)

ให้มีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ดำเนินการพิจารณาและเจรจาร่วมกันในเรื่องนี้ ทั้งนี้ได้ตกลงกันว่า MOU 2544 และการดำเนินการทั้งหมดตาม MOU 2544 จะไม่กระทบต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย

ไทยและกัมพูชาได้มีการเจรจาและดำเนินการตาม MOU 2544 ตั้งแต่หลังการลงนามรับรองเมื่อปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่สามารถตกลงหาข้อสรุปใดๆ ได้

โดย MOU 44 เคยถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อปี 2552 แต่ในรัฐบาลต่อมา ยังคงถือว่าเอกสารดังกล่าวมีผลอยู่ และได้ริเริ่มจัดตั้งกลไกเจรจาภายใต้ชื่อ คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเตรียมเข้าสู่ ครม. และยังไม่มีการยกเลิกอย่างเป็นทางการ

การถกเถียงเกี่ยวกับ MOU 2544 ยังเกี่ยวพันกับประเด็น “เกาะกูด” ที่บางฝ่ายกังวลว่าไทยอาจสูญเสียอธิปไตย แต่กระทรวงต่างประเทศได้ยืนยันชัดว่าเกาะกูดยังคงเป็นของไทยโดยสมบูรณ์ โดยมีหลักฐานทางกฎหมาย และประวัติศาสตร์

สรุปได้ว่า MOU 2543 เกี่ยวข้องกับดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและความเชื่อมโยงกับเรื่องอธิปไตย มีความละเอียดอ่อนทางการเมือง ขณะที่ MOU 2544 แม้จะเป็นเรื่องของทรัพยากรและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่กลับมีความเปราะบางในเชิงความร่วมมือระยะยาว เพราะยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนในการดำเนินการจริง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related