SHORT CUT
Canas Venture International ดึงเศรษฐกิจสีชมพู ผสมผสานกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็น Peach Economy มองไทยเป็นเมืองที่ดึงดูดดึงดูดการลงทุน-นวัตกรรม มากกว่าจุดหมายการท่องเที่ยว LGBTQ
ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมาช้านานว่า เปิดกว้างสำหรับ LGBTQ และเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับเลือกจากนิตยสาร Spartacus ของเยอรมนีให้เป็น “จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับ LGBTQ” ประจำปี 2025 และสำนักข่าวบีบีซี ก็จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 6 ของจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับ LGBTQ ด้วยเช่นกัน
การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ยิ่งทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงมากขึ้นในเรื่องการยอมรับความความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ รวมถึงนโยบายการท่องเที่ยวของไทยที่เน้นการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น LGBTQ ผู้สูงอายุ คนมีรายได้น้อย กลุ่มชาติพันธุ์ เด็ก หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในเรื่อง Inclusive Tourism มากขึ้น
ธนะชัย กุลสมบูรณ์สินธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Canvas Venture International บริษัทร่วมทุนสัญชาติไทย และเป็นหนึ่งในผู้ที่พยายามผลักดันเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย มองว่า ศักยภาพของไทยไม่ได้มีเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่จุดแข็งของการเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเป็นจุดหมายปลายที่ดีที่สุดสำหรับ LGBTQ เป็นโอกาสในการสร้าง “เศรษฐกิจสีชมพู” ให้เป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งแวดวงนักลงทุน ภาคธุรกิจ หรือกระทั่งภาครัฐเอง มีการพูดถึง LGBTQ มากขึ้น ไม่เพียงแต่ในมุมมองทางด้านสิทธิ แต่พูดถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่เกี่ยวกับ LGBTQ ในประเทศไทยที่มีมากขึ้น
ธนะชัยบอกว่า คนเริ่มพูดถึง Pink Economy หรือ “เศรษฐกิจสีชมพู” กันมากขึ้น ซึ่งหมายถึง โอกาสการลงทุนที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นในธุรกิจที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะธุรกิจที่สะท้อนถึงการเข้าใจและการเคารพตัวตนของ LGBTQ
ธนะชัยอธิบายว่า โอกาสในการลงทุนและทำธุรกิจเกี่ยวกับ Pink Economy ของประเทศไทยมีมาก แต่ที่ผ่านมานักลงทุนยังไม่ค่อยเข้าใจว่า Pink Economy คืออะไร แต่หลังจากได้พูดคุยกับทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการ เขาพบว่า นักลงทุนและผู้ประกอบการของไทยมีความเข้าใจเศรษฐกิจสีชมพูมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว และเห็นโอกาสการลงทุนในประเทศไทย
“กรุงเทพมหานคร ไม่ใช่เป็นแค่เมืองที่ต่างชาติมาพักผ่อนท่องเที่ยว หรือเปิดกว้างแค่เรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่จริงๆ แล้ว โอกาสในการลงทุน โอกาสในการทำธุรกิจที่กรุงเทพมหานคร หรือในประเทศไทย ตรงนี้แหละที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของเศรษฐกิจสีชมพูของเอเชีย” ธนะชัยกล่าว
ธนะชัยบอกว่า ภาครัฐเองที่พยายามผลักดันการจัดงาน World Pride ปี 2030 ซึ่งหากมาจัดที่กรุงเทพมหานครได้ หรือ สามารถดึงเอา Inter Pride มาจัดที่ภูเก็ตได้ นอกจากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีโอกาสในเรื่องของ Inclusive Finance หรือกระทั่งเรื่องของสุขภาพหรือ Wellness ซึ่งรวมอยู่ในเศรษฐกิจสีชมพูด้วย
ในยุคของนาซี เครื่องหมาย “สามเหลี่ยมสีชมพู” หรือ Pink Triangle เคยเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่คนที่มีความหลากหลายทางเพศ เป็นการประณามหรือประจาน โดยคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะถูกส่งตัวไปที่ค่ายกักกันเพื่อใช้แรงงานทาส หรือถูกนำไปทดลอง และจำนวนมากถูกสังหาร
จนกระทั่งทศวรรษที่ 1970-80 กลุ่ม LGBTQ ได้นำเอาสามเหลี่ยมสีชมพูกลับมาใช้เป็นเครื่องหมายของความอยู่รอด ความกล้าหาญ และการไม่ยอมจำนน และเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการกดขี่ และการต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ ทั่วโลก ซึ่งกลายมาเป็นสีแห่งความภาคภูมิใจของคนในชุมชนความหลากหลายทางเพศ
ธนะชัยบอกว่า ทศวรรษที่ 1970 ถึง 1980 มีคนที่เห็นว่า LGBTQ เป็นกลุ่มที่มีพลังในการจับจ่ายใช้สอยมาก และมีรอยัลตี้สูง จึงเกิดมี Pink Money ขึ้นมา สีชมพูจากเดิมที่เคยสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ จึงกลายมาเป็นโอกาสใหม่ๆ ของการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ
ในปัจจุบัน แม้ว่าเราจะเห็นว่ามีการใช้ธงสีรุ้งเต็มไปหมด แต่ธนะชัยบอกว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงตัวตนของบุคคลว่าอยู่ในชุมชนความหลากหลายทางเพศ ขณะที่ “สีชมพู” เป็นการแสดงถึงโอกาสในการทำธุรกิจ หรือเศรษฐกิจใหม่ และเป็นการสร้างผู้ประกอบการในเศรษฐกิจสีชมพูให้ชัดเจนมากขึ้น
ธนะชัยเล่าว่า ปีที่ผ่านมา Canvas Venture International ร่วมกับศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษา และจัดทำรายงานเรื่อง Thailand PinkTech Ecosystem เพื่อสำรวจโอกาสของประเทศไทยในการทำธุรกิจในกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ซึ่งพบว่า ประเทศไทยมีโอกาสอยู่มากมาย
สำนักข่าวบีบีซีระบุว่า มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ ทั่วโลกในปี 2025 จะอยู่ที่ราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 5 หมื่นล้านบาท
ธนะชัยบอกว่า แม้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ เพิ่มมากขึ้น แต่ในรายงานพบว่า ไม่ใช่แค่โอกาสการลงทุนในเรื่องการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ประเทศไทยยังมีโอกาสในเรื่องของ Financial Inclusion, Healthcare และ Wellness สำหรับ LGBTQ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีโอกาสในการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนเศรษฐกิจสีชมพูของเอเชีย
ธนะชัยบอกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีการลงทุนเกี่ยวกับ Pink Economy อย่างจริงจัง ซึ่ง Canvas Venture International ต้องการที่จะทำให้เกิดการลงทุนอย่างจริงจังในเศรษฐกิจสีชมพูในประเทศไทย และต้องการสร้างกลุ่มผู้ประกอบการในเศรษฐกิจนี้ ไม่ว่าจะเป็น LGBTQ หรือไม่ก็ตาม เพื่อให้เกิดผลกระทบแบบลูกโซ่ หรือ Spillover Effect กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ธนะชัยบอกว่า Canvas Venture International มี Spectrum Labs ที่เป็น Venture Studio แห่งแรกของประเทศที่จะ Found & Fund เพื่อสร้างผู้ประกอบการให้มีความคิด และมีมายด์เซ็ตที่ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจภายในประเทศ แต่อย่างน้อยต้องเติบโตไปในระดับภูมิภาค หรือไปสู่ระดับโลก ซึ่ง Canvas Venture International ต้องการที่จะลงทุนในคนกลุ่มนี้เพื่อให้มีรันเวย์ที่จะไปต่อได้ในอนาคต
“เราจะให้โอกาส ให้คอนเนคชั่น นอกจากนี้ เรามี Venture Partner ในแต่ละกลุ่มสาขาเยอะแยะมากมายเลยในการ Mentor และ Grooming และมีโอกาสไม่ใช่แค่ทำในประเทศไทย แต่เรามีโอกาสจะดึงเขาไปตลาดต่างประเทศด้วย” ธนะชัยกล่าว
ธนะชัยกล่าวว่า ในปีนี้ Canvas Venture International ตั้งใจจะพัฒนาระบบนิเวศของ Pink Economy และเชิญชวนนักลงทุนและผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาอยู่ร่วมใน Ecosystem มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
ธนะชัยบอกว่า ในปีนี้จะมีการจัดงาน Canvas Forum 2025 ซึ่งตั้งใจที่จะผสมผสาน “เศรษฐกิจสีชมพู” ซึ่งเป็นตัวแทนของ Inclusive และ Diversity กับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” หรือ Orange Economy เกิดเป็น “เศรษฐกิจสีพีช” หรือ Peach Economy โดยในงานจะมีทั้งเวทีทอล์ก ฟอรั่มต่างๆ และบิสสิเนสแมชชิ่ง
นักลงทุนที่ต้องการอัพเดตเทรนด์ของการลงทุน หรือผู้ประกอบการที่อยากเปิดโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจ สามารถมาร่วมงาน Canvas Forum 2025 ได้ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30, 31 กรกฎาคม และ 1 สิงหาคม ที่ Glowfish club สยามปทุมวันเฮ้าส์ ชั้น 11
“Canas Venture International ต้องการที่จะเห็นกรุงเทพมหานครไม่ได้เป็นแค่เมืองที่เปิดรับเรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่เป็นเมืองที่ดึงดูดการลงทุน ดึงดูดเทคโนโลยี นวัตกรรม และสร้างผู้ประกอบการที่เชื่อมั่นในความเท่าเทียมกันทางเพศ” ธนะชัยกล่าว