การโจมตีอิหร่านอาจก่อให้เกิดการรั่วไหลของโรงงานนิวเคลียร์
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิหร่านอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นหายนะทางนิวเคลียร์ได้
ในขณะที่อิสราเอลและสหรัฐฯ ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำลายศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ด้วยการโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานของโรงงานนิวเคลียร์ที่สำคัญหลายแห่ง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องหลีกเลี่ยงให้ได้ ก็คือความเสียหายที่อาจกลายเป็นภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ในภูมิภาค กระทบต่อชีวิตของประชากรนับสิบล้านคน
ความหวาดกลัวต่อ 'ภัยพิบัตินิวเคลียร์' กำลังแผ่ขยายไปทั่วทั้งอ่าวเปอร์เซีย หลังอิสราเอลเผยว่าได้โจมตีที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองบูเชห์ร ก่อนจะออกมาประกาศว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการสื่อสารที่ผิดพลาดเท่านั้น
ทำไมการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ถึงมีความเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์บางแห่งไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบที่อันตรายขนาดนั้น เช่น โรงงานนิวเคลียร์อารัก และโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ใต้ดินและไม่มีรายงานการปล่อยกัมมันตภาพรังสี เนื่องจากยูเรเนียมจะเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เช่น การสูดดมหรือกลืนเข้าไป และการโจมตีโรงงานเหล่านั้นก็นับเป็นการฝังพวกมันไว้ใต้คอนกรีตและหินหลายพันตัน
แต่การโจมตีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเมืองบูเชห์รนั้นนับเป็นอีกเรื่อง เพราะหากเกิดความเสียหายกับเครื่องปฏิกรณ์พลังงานขนาดใหญ่ กัมมันตภาพรังสีจะถูกปล่อยให้รั่วไหลออกมา ก่อนจะปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมโดยรอบ โดยเฉพาะน้ำทะเล
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีเมืองบูเชห์รนับเป็นความโง่เขลาที่อาจก่อให้เกิด "หายนะทางกัมมันตภาพรังสีร้ายแรง" โดยเฉพาะต่อประเทศริมอ่าวโดยรอบที่ต้องพึ่งพาการบำบัดเกลือออกจากน้ำทะเลเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำดื่ม เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย
ดังนั้น การกระทำที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนใดๆ ต่อน้ำทะเล ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือสารเคมีจากโรงงานนิวเคลียร์ จะส่งผลให้หลายประเทศต้องเผชิญกับการขาดแคลนน้ำจืดในทันที และกลายเป็นหายนะระดับภูมิภาค
