SHORT CUT
ย้อนดูเหตุความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล - อิหร่าน ตั้งแต่ในอดีต เพราะเหตุใด 2 ประเทศนี้ถึงทะเลาะกัน ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
ปีที่มิตรกลายเป็นศัตรู
ก่อนปี 1979 อิหร่านกับอิสราเอลจับมือกันแน่น เหมือนเพื่อนที่รู้ใจกันในสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ พันธมิตรลับที่เติมเชื้อไฟให้กันทั้งด้านพลังงาน อาวุธ และข่าวกรอง แต่ในปีเดียวกันนั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อการปฏิวัติอิสลามพลิกอิหร่านจากรัฐฆราวาสเป็นรัฐศาสนา และประกาศอิสราเอลเป็น “ศัตรูของอัลลอฮ์” พร้อมประกาศตัวเป็นผู้นำโลกอิสลามแทน
จากพันธมิตรลับสู่ศัตรูเปิดหน้า — เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงในประเทศ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในโลกสมัยใหม่
เมื่ออิหร่านเคยเป็นมิตรแท้ของอิสราเอล
ย้อนกลับไปในยุคของราชวงศ์ปาห์ลาวี อิหร่านคือเสาหลักใน “หลักการรอบนอก” ของอิสราเอล – กลยุทธ์จับมือกับรัฐไม่ใช่อาหรับเพื่อล้อมวงคานอำนาจโลกอาหรับที่ต่อต้านอิสราเอล
3 เสาหลักของพันธมิตรนี้ ได้แก่:
พลังงาน: อิหร่านส่งน้ำมันให้อิสราเอลสูงถึง 40% ผ่านท่อส่งลับ
เทคโนโลยี: ร่วมกันพัฒนาขีปนาวุธล้ำยุคใน “โครงการฟลาวเวอร์”
ข่าวกรอง: ซาวักและมอสสาด จับมือสร้างเครือข่ายสอดแนมที่แข็งแกร่ง
มันไม่ใช่แค่มิตรภาพ แต่มันคือโครงสร้างลับของ “รัฐซ้อนรัฐ” ที่ประสานผลประโยชน์กันในทุกระดับ
การปฏิวัติปี 1979 ไม่ใช่เรื่องฉับพลัน แต่คือพายุที่สั่งสมมาจาก:
• ความโหดร้ายของซาวัก ตำรวจลับที่น่าเกรงขามของอิหร่าน
• ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
• ความรู้สึกว่าพระเจ้าชาห์ - "พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี" คือหุ่นเชิดของอเมริกา
ผู้นำคนใหม่ของการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อยาตอลเลาะห์ โคไมนี ผู้เปลี่ยนเทปคาสเซ็ตธรรมดาให้กลายเป็นอาวุธโค่นราชวงศ์เก่า และสถาปนารัฐอิสลามบนหลัก "การปกครองโดยนักนิติศาสตร์อิสลาม" (Velayat-e Faqih)
การเดินทางกลับบ้านของโคไมนี กลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ — ยุคที่ศาสนากลายเป็นรัฐ และอิสราเอลกลายเป็น “ซาตานน้อย” ตัวแทนของ “ซาตานใหญ่” คือสหรัฐฯ
ไม่ใช่แค่เปลี่ยนพันธมิตร แต่อิหร่านเปลี่ยน “เรื่องเล่า” ทั้งหมด:
• ลบชื่ออิสราเอลออกจากแผนที่ เตหะราน
• มอบอาคารสถานทูตอิสราเอลให้อาราฟัต ใช้เป็นสถานทูตปาเลสไตน์
• เปลี่ยนชื่อถนนเป็น “ปาเลสไตน์
อิหร่านไม่ได้แค่ต่อต้านไซออนิสต์เพราะความเชื่อ แต่มันเป็นกลยุทธ์:
• เพื่อรวบรวมผู้ศรัทธาภายใต้ศัตรูร่วม
• เพื่ออ้างความชอบธรรมเหนือรัฐอาหรับอื่น
• เพื่อสร้าง “แกนแห่งการต่อต้าน” ทั่วตะวันออกกลาง
ผลจากการปฏิวัติปี 1979 สร้างโครงข่ายพันธมิตรใหม่:
• ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
• ฮามาสในกาซา
• เครือข่ายติดอาวุธในอิรัก เยเมน ซีเรีย
พร้อมกับจุดวาบไฟสำคัญ: โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ที่อิสราเอลมองว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่” (existential threat)
ไม่ใช่แค่สงครามข่าวกรอง — การโจมตีโดยตรงด้วยโดรน ขีปนาวุธ และการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์กลายเป็นความจริงใหม่ในภูมิภาค
ที่น่าจับตามองคือความเปลี่ยนขั้วพันธมิตร: รัฐอาหรับสุหนี่ที่เคยเป็นศัตรูของอิสราเอล กลับกลายเป็นพันธมิตร (ผ่านข้อตกลงอับราฮัม) เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากอิหร่านร่วมกัน — เหมือน “หลักการรอบนอก” ฉบับกลับหัว
การปฏิวัติอิหร่านปี 1979 ไม่ใช่แค่การล่มสลายของราชวงศ์หนึ่ง — แต่มันเป็นการกำเนิดของอุดมการณ์รัฐใหม่ที่วางรากฐานความขัดแย้งระยะยาวกับอิสราเอลจนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่เริ่มจากมิตรภาพลับ กลับกลายเป็นความเกลียดชังแบบอัตถิภาวนิยม
สิ่งที่ดูเหมือนปัญหาทวิภาคี กลับกลายเป็นแกนกลางของระเบียบภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ทั้งภูมิภาค
และตราบใดที่อุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน ความเป็นศัตรูก็ยังคงอยู่ — ดั่งรอยร้าวที่ไม่มีวันประสาน
ที่มา : apnews apnews tehrantimes israeled.org aljazeera
ข่าวที่เกี่ยวข้อง