svasdssvasds

บุกทลายรัง "เว็บพนัน" เชียงใหม่ พบเงินหมุนเวียน 500 ล้านบาท

บุกทลายรัง "เว็บพนัน" เชียงใหม่ พบเงินหมุนเวียน 500 ล้านบาท

จเรตำรวจแห่งชาติประชุม ศปอส.ตร. แถลงผล ทลายรังจีนเทาเช่าพูลวิลล่าเชียงใหม่ ตั้งฐาน"เว็บพนันออนไลน์" อึ้ง! เงินหมุนเวียน 500 ล้านบาท

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า จากการประชุมติดตามผลการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้การรายงานสถานการณ์และเหตุที่น่าสนใจในการดำเนินการคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ และได้กำชับการปฏิบัติไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

ในที่ประชุมได้มีการรายงานผลการปฏิบัติของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละหน่วยทั่วประเทศ ซึ่งมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ

โดยมีคดีที่น่าสนใจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 2 คดี ได้แก่ “บุกจับจีนเทาเช่าพลูวิลล่าเปิดฐานพนันออนไลน์ในอำเภอหางดง พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท”

โดย  เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568  ตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพลูวิลล่าใน ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับรายงานว่าบ้านหลังดังกล่าวมีกลุ่มจีนเทาใช้เป็นฐานเปิดเว็บพนันออนไลน์หลอกลวงผู้สูงอายุชาวจีน อายุระหว่าง 60-80 ปี มาร่วมลงทุน

จากการตรวจค้นพบชาวจีน 14 ราย เป็น ชาย  11 คน หญิง 3 คน และชาวเมียนมา  3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ขณะที่กำลังอยู่ภายในห้องพักและทำงานหลอกลวงเหยื่อชาวจีนอยู่ สามารถยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 26 เครื่อง 

บุกทลายรัง \"เว็บพนัน\" เชียงใหม่ พบเงินหมุนเวียน 500 ล้านบาท

โดยกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีพฤติการณ์จัดตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการ หลอกลวงชาวจีนให้ร่วมลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน จะถูกบล็อกการติดต่อทันที

สำหรับกลุ่มจีนเท่าหล่านี้ได้ย้ายฐานเว็บพนันจากพื้นที่ อ.สันทราย มาเช่าพลูวิลล่าใน อ.หางดง ได้ประมาณเดือนกว่า โดยมีบอสชาวจีนเป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด หลังจากที่ทราบข่าวตำรวจได้มีการทลายจีนเทาเช่าบ้านจัดสรรหรูใน อ.สันทราย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ยึดได้ พบว่าผู้ต้องหาแต่ละคนเข้ามาทำงานโดยใช้วิซ่านักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ประเทศไทยได้ 2 เดือน และบางคนก็ใช้วีซ่านักศึกษาโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองเรียนที่มหาวิทยาลัยใด 

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการกวาดล้างและทลายเครือข่ายจีนเทา แล้วได้มีการตรวจสอบข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นพบมีมหาวิทยาลัยสงฆ์และมหาวิทยาลัยเอกชนได้มีการออกวีซ่านักศึกษาให้กับชาวจีนมากถึง  5 แห่ง 

โดยมีชาวจีนที่ลงทะเบียนทั้งหมด 13,000 คน  บางส่วนก็จะอาศัยช่องว่างนี้เข้ามาอยู่ประเทศไทยและมาก่อเหตุหลอกคนจีนด้วยกันเอง จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายเป็นชาวจีนจำนวนมากกว่าแสนราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านหยวน

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร” หลังจากนี้จะประสานกงสุลจีนให้มาตรวจสอบและจะขยายผลหาเครือข่ายที่ร่วมขบวนการต่อไป

อีกคดีคือ “การทลายแก๊งบัญชีม้ากดเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดเงินกว่า 2.6 ล้านบาท” โดยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5 พร้อมชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ จับกุม 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิงชาวไทย 1 คน และชายชาวจีน 2 คน ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดเสียหายแก่ประชาชนฯ”

สืบเนื่องจากศูนย์วิทยุ สภ.แม่ปิง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างชายชาวจีนกับหญิงไทยทะเลาะกันหน้าตู้เอทีเอ็มภายในห้างดังกลางเมืองเชียงใหม่ จึงเข้าไประงับเหตุ พบมีเงินตกที่พื้นกระจัดกระจาย นับรวมกว่า 2.6 ล้านบาท ตำรวจจึงเชิญตัวไปที่ สภ.แม่ปิง

จากการสืบสวนทราบว่าแก๊งนี้มีบอสเป็นคนจีน ทำการหลอกลงทุนโครงการต่างๆ โดยหลอกทั้งคนจีนและคนไทย สำหรับคนจีนสองคนที่จับกุมได้เป็นหัวหน้าฝ่ายกดเงินคอยดูแลม้ากดเงินหลายคน และรวบรวมเงินส่งให้บอส ส่วนหญิงชาวไทยหวังได้เงินไปใช้หนี้จึงมารับงานกดเงินเป็นครั้งแรก จากนี้ตำรวจจะขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า อาชญากรรมออนไลน์ได้กลายเป็นภัยคุกคามสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลและสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหา "บัญชีม้า" ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่อาชญากรใช้ในการฟอกเงินและหลอกลวงประชาชน

การรับมือกับปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุมและบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หัวใจสำคัญของการหยุดยั้งอาชญากรรมออนไลน์ คือการสกัดกั้นตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งรวมถึงการจัดการกับการเปิดบริษัทเพื่อใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน และการเปิดบัญชีม้าทั้งของคนไทยและคนต่างชาติ ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

ตำรวจจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถอนเงินและนำเงินข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังสั่งการเน้นการสกัดกั้นคนไทยลักลอบข้ามแดนเพื่อไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการเป็นเหยื่อหรือผู้สมรู้ร่วมคิดในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ

จึงต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนในการรับตัวคนไทยส่งกลับ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักมนุษยชน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

related