svasdssvasds

รู้จัก! ‘ประกันภัยสงคราม’ วันที่..สู้รบ ไทยยังมีจำหน่ายน้อย

รู้จัก! ‘ประกันภัยสงคราม’ วันที่..สู้รบ ไทยยังมีจำหน่ายน้อย

พามาทำความรู้จัก! ‘ประกันภัยสงคราม’ ในวันที่…บ้านเมืองสู้รบ ไทยยังมีจำหน่ายน้อย เบี้ยราคาสูง แถมคุ้มครองไม่ทั่วถึง เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

SHORT CUT

  • รู้จัก! ‘ประกันภัยสงคราม’ ในวันที่…บ้านเมืองสู้รบ ไทยยังมีจำหน่ายน้อย

  • ประกันภัยสงคราม  เป็นประเภทของการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม

  • โดยทั่วไปแล้ว ภัยสงครามจะถูกยกเว้นจากกรมธรรม์ประกันภัยทั่วไป เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย หรือประกันชีวิต

พามาทำความรู้จัก! ‘ประกันภัยสงคราม’ ในวันที่…บ้านเมืองสู้รบ ไทยยังมีจำหน่ายน้อย เบี้ยราคาสูง แถมคุ้มครองไม่ทั่วถึง เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

นาทีนี้ประชาชนทั้งชาวไทย และกัมพูชา ต้องจับตาดูสถานการณ์การสู้รบกันระหว่าง 2 ประเทศ และชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณชายแดนก็ต้องไปอาศัยพื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย แต่…ต้องยอมรับว่าไทยไม่ค่อยได้เผชิญกับเหตุการณ์การสู้รบ หรือสงครามบ่อยครั้ง ดังนั้นเรื่องของประกันภัยสงคราม เป็นเรื่องใหม่ และสำคัญที่ในอนาคตจะต้องมีกัน เพื่อปกป้องชีวิต และทรัพย์สินเสียหาย วันนี้ #SPRiNG จะพามาทำความรู้จัก ‘ประกันภัยสงคราม’ ว่ามีแบบไหนบ้าง

โดยข้อมูลจาก สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ประกันภัยสงคราม (War Risk Insurance) เป็นประเภทของการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ภัยสงครามจะถูกยกเว้นจากกรมธรรม์ประกันภัยทั่วไป เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย หรือประกันชีวิต

ประกันภัยสงคราม (War Risk Insurance) เป็นประเภทของการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ภัยสงครามจะถูกยกเว้นจากกรมธรรม์ประกันภัยทั่วไป เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย หรือประกันชีวิต

ทั้งนี้ประกันภัยสงครามมักจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจาก ดังนี้

  • สงคราม, สงครามกลางเมือง, การปฏิวัติ, การกบฏ, การจลาจล: ความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลที่เกิดจากการสู้รบ ความไม่สงบทางการเมือง
  • การก่อการร้าย, การก่อวินาศกรรม: การโจมตีหรือการกระทำที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองหรืออุดมการณ์
  • การถูกยึด, การจับกุม, การกักขัง: โดยอำนาจรัฐหรือกลุ่มติดอาวุธ
  • ทุ่นระเบิด, ตอร์ปิโด, ระเบิด หรืออาวุธสงครามอื่นๆ: แม้จะเป็นอาวุธที่ถูกทิ้งร้างแล้ว
  • การหยุดงาน, การประท้วง, การก่อความวุ่นวาย: ในบางกรณีอาจรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์เหล่านี้

หากถามว่าใครเหมาะที่จะทำประกันภัยสงคราม คำตอบ คือ

  • ธุรกิจขนส่งทางเรือและทางอากาศ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการดำเนินงานในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
  • ธุรกิจที่ดำเนินงานในพื้นที่เสี่ยงสูง เช่น บริษัทที่มีสำนักงานหรือทรัพย์สินอยู่ในประเทศที่มีความไม่สงบทางการเมืองหรือสงคราม
  • บุคคลที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยสูง เช่น นักข่าว ผู้ปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม หรือผู้ที่ทำงานในประเทศที่มีสงครามหรือความขัดแย้ง

สำหรับประกันภัยสงครามมักถูกยกเว้นในกรมธรรม์ทั่วไป โดยประกันภัยส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากสงคราม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ยากและมีความเสียหายสูง ที่สำคัญเบี้ยประกันสูงเนื่องจากความเสี่ยงที่สูงมาก เบี้ยประกันภัยสงครามจึงมักจะมีราคาสูง อีกทั้งเงื่อนไขและข้อยกเว้นเฉพาะ กรมธรรม์ประกันภัยสงครามแต่ละฉบับจะมีเงื่อนไขและข้อยกเว้นที่แตกต่างกัน ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

อย่างไรก็ตามการประกันภัยการเดินทางสำหรับพลเรือน สำหรับพลเรือนที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง อาจมีประกันภัยการเดินทางบางประเภทที่ให้ความคุ้มครอง "Passive War Risk" ซึ่งหมายถึงการที่ผู้เดินทางตกอยู่ในสถานการณ์สงครามโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้มีส่วนร่วมในการสู้รบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

related