SHORT CUT
กองทัพไทย ประณามกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง พร้อมทั้งบิดเบือนข้อเท็จจริงในเวทีระหว่างประเทศ เรียกร้องให้หยุดกล่าวหาผู้อื่น ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุดที่เข้มข้น ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากประชาคมโลก เพราะเหตุการณ์นี้ถือเป็นวิกฤตความมั่นคงในรอบ 10 ปี
หลังการปะทะนาน 5 วันระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณแนวชายแดน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และประชาชนไทยต้องอพยพออกจากพื้นที่หลายแสนคน ในที่สุดทั้งสองประเทศก็บรรลุ “ข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข” เมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวกำลังเผชิญความเปราะบาง เมื่อฝ่ายไทยออกมาเปิดเผยว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงซ้ำสองในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง โดยมีรายงานเสียงปืน และการเคลื่อนไหวของโดรนบริเวณพื้นที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษ และช่องอานม้าในช่วงค่ำวันที่ 29-30 กรกฎาคม
กองทัพบกได้ทำหนังสือแถลงการณ์ เรื่อง การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น
กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ
กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29-30 ก.ค. 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ
กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น
พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยชี้แจงและแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้
พฤติกรรมดังกล่าว มิใช่แค่ละเมิดคำสั่ง แต่ยังสะท้อน "สัญญาณอันตราย" ว่ากองทัพกัมพูชาขาดความสามารถในการจัดการกำลังพลในยามวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวอ้างถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่” เพื่อสันติภาพในทุกบรรทัดของแถลงการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้หวังผลทางยุทธวิธี แต่เป็นการ “เรียกร้อง” จากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่มีเสบียง ไม่มีการหมุนเวียนกำลัง และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ สะท้อนว่ากองทัพกัมพูชาคือระบบอำนาจนิยมที่สร้างจากความหวาดกลัวและไร้มนุษยธรรม
กองทัพไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา “หันกลับไปดูแลทหารของตัวเอง” ก่อนที่จะกล่าวหาใคร ๆ ว่าบิดเบือนความจริง พฤติกรรมการแสดงออกที่เกิดขึ้น แสดงว่าพวกเขาเหนื่อยล้า หวาดกลัว หิวโหย และต้องการให้ “ผู้บังคับบัญชาของตนดูแลและแสดงความรับผิดชอบ” มากกว่าออกมาแก้ตัว และโกหกซ้ำซาก
กองทัพไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นต่อกระบวนการสันติภาพโดยแท้จริง พร้อมดำเนินการอย่างโปร่งใส มีวินัย และยึดมั่นในพันธสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ ขอเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาทบทวนตนเองอย่างจริงจัง และยุติพฤติกรรมการปฏิเสธความจริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูสันติภาพอย่างยั่งยืน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ฐานะประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา (IPU) แถลงถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตนรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างยิ่งที่ได้รับทราบว่าระหว่างการประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา ณ นครเจนีวา ในสัปดาห์นี้ ประเทศไทยถูกกล่าวหาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาโดยปราศจากมูลความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดน
รัฐสภาไทยขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงและขอประณามอย่างรุนแรงต่อถ้อยแถลงอันเป็นเท็จและไม่มีมูลความจริง ดังกล่าว ซึ่งปราศจากความถูกต้อง ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงตามที่กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลไทยได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา รัฐบาลไทยได้ฟ้องไปยังประธานอาเซียน ผู้นำสหรัฐอเมริกา และผู้นำจีนแล้ว
รัฐสภาไทยขอเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชาหยุดการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือบิดเบือน ข้อเท็จจริง ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิดและซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงเพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียวประเทศไทยยังคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และการคุ้มครองชีวิตพลเรือนและข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
ขอขอบคุณประธานอาเชียนและประเทศต่างๆ อันเป็นพันธมิตรของเราเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนข้อตกลงเจรจาหยุดยิง เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่จนบัดนี้กัมพูชายังไม่ยุติการยิงอันเป็นการละเมิดข้อตกลง ฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด รวมถึงเรียกร้องให้ประธานอาเซียนจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและร่วมหาแนวทางให้การหยุดยิงได้ผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง
กองทัพอากาศ ยืนยัน "ข่าวปลอม" กรณีกองบิน 21 ถูกฝูงโดรนโจมตี จำนวน 30 ลำแต่ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ความจริงที่ปรากฎ คือเกิดเหตุพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ
ที่มา : กองทัพบก Royal Thai Army , กองบัญชาการกองทัพไทย , กองทัพอากาศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง