svasdssvasds

ประธานสภากทม. ยืนยัน ทำหน้าที่ยึดความโปร่งใส ยุติธรรมและเป็นกลาง

ประธานสภากทม. ยืนยัน ทำหน้าที่ยึดความโปร่งใส ยุติธรรมและเป็นกลาง

ประธานสภากรุงเทพมหานคร ชี้แจงกระแสกล่าวหาและเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการวิสามัญฯ ส่วนที่ไม่ได้ออกมาชี้แจงทันที เพราะไม่ต้องการ “ตอบโต้ในเชิงการเมือง”

นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก ได้ตอบคำถามและข้อสงสัยในฐานะ ประธานสภากรุงเทพมหานคร ระบุว่า “ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกคำถามและข้อสงสัยที่สะท้อนถึงความห่วงใยในบทบาทหน้าที่ของผมในฐานะ ประธานสภากรุงเทพมหานคร ผมปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลัก ความโปร่งใส ความเป็นกลาง และความยุติธรรม มาโดยตลอด จากกรณีที่เกิดกระแสกล่าวหา บิดเบือน และเข้าใจผิดในวงกว้างเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการวิสามัญฯ ผมขอใช้พื้นที่นี้เพื่อชี้แจง ข้อเท็จจริงอย่างเป็นลำดับ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน

1. ข้อเท็จจริงพื้นฐานของกระบวนการ

- สภากรุงเทพมหานครได้เริ่มพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

- ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับหลักการในวาระที่ 1 และเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้ง คณะกรรมการวิสามัญฯ

- คณะกรรมการฯ ประกอบด้วย 45 คน แบ่งเป็น

  • สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) 34 คน
  • ผู้แทนจากฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร 11 คน

 - ตามข้อบังคับการประชุมสภา เปิดโอกาสให้เสนอชื่อได้ทั้งจาก สมาชิกสภา กทม. และ บุคคลภายนอก (คนนอก)

 

2. รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าสู่กรรมการ

- พรรคเพื่อไทยเสนอ “คนนอก” 2 คน ได้แก่

  1. นายสมชาย เวสารัชตระกูล
  2. นายเอกชัย ไชยนุวัติ

- พรรคประชาชนเสนอ “คนนอก” 3 คน ได้แก่

  1. นายอธึกกิต แสวงสุข
  2. ศ.อมร พิมานมาศ
  3. นายอริย์ธัช ยอดไชยเกียรติ

- สก. บางส่วน ไม่เห็นด้วยกับการเสนอ “คนนอก” โดยให้เหตุผลว่า

  • ภารกิจของคณะกรรมการควรเป็นของ สก. ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
  • การมีคนนอกจำนวนมาก อาจกระทบการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการฯ
  • เสนอให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมผ่าน คณะอนุกรรมการฯ แทน เพราะมีอำนาจและหน้าที่ที่ครอบคลุมกว่า

3. รายชื่อเกินโควตา ต้องโหวตคัดเลือก

- กลุ่มอิสระและพรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อ สก. เพิ่มเติม

- หลังจากนั้น พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยก็ได้เสนอชื่อ สก. เพิ่มเช่นเดียวกัน

- ส่งผลให้รายชื่อ สก. ที่เสนอรวมกัน เกินโควตา 34 คน (เกินมา 10 รายชื่อ เป็น 44 รายชื่อ)

- ที่ประชุมจึงต้อง “โหวตทีละรายชื่อ” ตามลำดับอักษร ก–ฮ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 34 คน

4. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนการประชุมงบประมาณของสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการประชุม “วิปสภา กทม.” ซึ่งเป็นการประชุมภายในระหว่างตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ในที่ประชุมดังกล่าว ได้มีการ พูดคุยหารือและแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน เห็นพ้องต้องกัน ในการ เสนอชื่อบุคคลภายนอก (คนนอก) เข้าร่วมทำหน้าที่ในคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนและผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมีส่วนร่วมในการตรวจสอบงบประมาณ

- อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่กระบวนการลงมติแบบรายชื่อรายบุคคล รายชื่อแรกที่เข้าสู่การโหวตในส่วนของคนนอก คือ นายสมชาย เวสารัชตระกูล ซึ่งเป็นคนนอกของพรรคเพื่อไทย

- หากพรรคเพื่อไทย 25 เสียง (ไม่รวมเสียงของประธานสภาและรองประธานสภาคนที่หนึ่ง) และพรรคประชาชน 10 เสียง (ไม่รวมเสียงของรองประธานสภาคนที่สอง) ร่วมมือกันอย่างที่ได้พูดไว้ ควรมีคะแนนสนับสนุนรวมอย่างน้อย 35 เสียง

- แต่ผลที่เกิดขึ้นจริง คือ ได้เพียง 27 คะแนน

- สิ่งนี้สะท้อนว่า พรรคประชาชนไม่ได้ลงคะแนนให้คนนอกจากพรรคเพื่อไทยครบถ้วนตามที่เคยหารือกันไว้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามกรอบที่ได้ตกลงกันไว้ภายในคณะกรรมการวิปสภากรุงเทพมหานคร และกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนความไม่เป็นเอกภาพในกระบวนการทำงานร่วมกันครั้งนี้

5. พรรคเพื่อไทยยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิม

- แม้จะเกิดความไม่ร่วมมือในช่วงการโหวต แต่พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันเจตนารมณ์ในการเปิดพื้นที่ให้ “คนนอก”

- สก. พรรคเพื่อไทย 2 ท่าน ได้เสนอถอนตัว จากตำแหน่งคณะกรรมการวิสามัญฯ

- เพื่อเปิดทางให้นายเอกชัย ไชยนุวัติ (คนนอกที่หลุดไป) ได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งตามลำดับคะแนน

- นี่ไม่ใช่การ “แก้ภาพ” แต่เป็นการดำเนินการที่ได้หารือและตกลงกันไว้ภายในพรรคแต่ต้น เพื่อรักษาหลักการที่เรายึดมั่น ในฐานะประธานสภากรุงเทพมหานคร ผมดำเนินการประชุมตามระเบียบและข้อบังคับทุกประการ

 - เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายอภิปรายอย่างเสรี

- ในระบอบประชาธิปไตย เสียงของสมาชิกทุกคนเท่ากัน และสิทธิในการลงคะแนนเป็นของแต่ละบุคคล ผมไม่ใช่นักการเมืองที่ชอบสร้างวาทกรรม หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเรียกคะแนนนิยม ผมทำงานโดยยึดหลักการ ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา

ที่ผ่านมาผมอาจไม่ได้รีบออกมาชี้แจงในทันที เพราะไม่ต้องการ “ตอบโต้ในเชิงการเมือง” แต่เมื่อมีการนำเสนอข้อมูลที่ ไม่ครบถ้วน ไม่เป็นธรรม และมีลักษณะบิดเบือน ผมจำเป็นต้องออกมาอธิบาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดครับ ผมพร้อมรับฟังทุกเสียงด้วยความเคารพ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ตรวจสอบ และให้กำลังใจในการทำงานครับ ขอบคุณครับ

ที่มา : วิพุธ ศรีวะอุไร 

 

related