SHORT CUT
ทรัมป์ได้ขยายภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 50% อย่างเงียบๆ ให้ครอบคลุมสินค้าอีกกว่า 400 รายการ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ให้ครอบคลุมสินค้าเพิ่มอีกกว่า 400 รายการ โดยการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้มีเป้าหมาย เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีและปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศสหรัฐฯ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น
มาตรการภาษีนำเข้า 50% ที่ประกาศใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เหล็กและอะลูมิเนียมดิบอีกต่อไป แต่ได้ขยายขอบเขตไปถึงสินค้าที่ทำจากหรือมีส่วนผสมของสองสิ่งนี้ด้วย เช่น:
ไบรอัน บอลด์วิน รองประธานฝ่ายศุลกากรจาก Kuehne + Nagel International AG ได้อธิบายว่า "โดยพื้นฐานแล้ว หากสินค้าใดมีความมันวาว เป็นโลหะ หรือมีความเกี่ยวข้องกับเหล็กกล้าหรืออะลูมิเนียมเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะอยู่ในรายการภาษีนำเข้านี้" นั่นหมายความว่า มาตรการนี้ไม่ใช่แค่การขึ้นภาษีธรรมดา แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์เพื่อควบคุมสินค้ากลุ่มนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้แจงว่า การเพิ่มรายการภาษีนี้จะช่วย 'ปิดกั้นช่องทางการหลีกเลี่ยงภาษี' ที่ผู้ประกอบการอาจใช้เพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีนำเข้าเดิม ซึ่งเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การประกาศนี้ไม่ได้ระบุชื่อผลิตภัณฑ์ที่แน่ชัด แต่ใช้รหัสศุลกากรที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการทั่วไปตรวจสอบได้ยากว่าสินค้าของตนจะได้รับผลกระทบหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เครื่องดับเพลิงถูกระบุด้วยรหัส "8424.10.0000" ซึ่งเป็นรหัสตัวเลข 10 หลักที่เข้าใจได้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เจสัน มิลเลอร์ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตประเมินว่า มาตรการภาษีใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการนำเข้ารวมกว่า 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เคยประเมินไว้ที่ 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
ผลที่ตามมาคือ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ที่จะสูงขึ้นอีก เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะกระทบทั้งผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ และผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าราคาแพงขึ้น
มาตรการนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ที่จะใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือหลักในการปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยในเดือนมิถุนายน ทรัมป์เคยประกาศแผนการเพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นสองเท่ามาแล้ว ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากให้กับธุรกิจและคู่ค้าทั่วโลกที่ต้องพึ่งพาสินค้ากลุ่มนี้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ