SHORT CUT
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วทำหนังสือถึงกัมพูชา ขอให้สั่งย้ายราษฎร 170 ครัวเรือนที่รุกล้ำเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของไทย
จากกรณีที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังวัดสระแก้ว ได้ลงนามหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา ขอความร่วมมือดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย และเป็นพื้นพื้นที่นอกพื้นที่อ้างสิทธิตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีราษฎรกัมพูชารุกล้ำเข้ามาปลูกสร้างบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย จำนวนประมาณ 170 ครัวเรือน
เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายประกาศ 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษากัมพูชา และภาษาอังกฤษ ไปติดตั้งบังคับใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จำนวน 3 ป้าย และบ้านหนองจาน จำนวน 3 ป้าย โดยติดตั้งที่บริเวณแนวเครื่องกีดขวาง และแนวลวดหนามของทั้ง 2 หมู่บ้าน
ข้อความในประกาศ แจ้งว่า ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า ให้รื้อถอนและออกจากที่ดิน หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการ จะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายดังนี้
นายอุม เรียเตรย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ส่งหนังสือถึง นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เรียกร้องให้เคารพข้อตกลงหยุดยิง และ MOU หลังมีคำสั่ง ย้ายชาวกัมพูชา ออกจากพื้นที่บ้านจกเจยและเปรยจัน โดย ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายรอผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เนื่องจากการอ้างสิทธิ์เหนือบ้านจกเจย และบ้านเปรยจัน ซึ่งตรงกับพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ในฝั่งไทยนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและปักปันเขตแดน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ GBC และ JBC
การกระทำใดๆ เพียงฝ่ายเดียวที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จะเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ปี 2543 , ข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม , เจตนารมณ์ของการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ประเทศมาเลเซีย และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างสองประเทศ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม จึงเรียกร้องให้ฝ่ายไทยคงสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบันและสถานะของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ไว้เหมือนเดิม และมอบเรื่องนี้ให้ GBC และ JBC ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหานี้ โดยเขามั่นใจว่า เรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างสันติและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
กัมพูชาอ้างว่า พื้นที่เหล่านี้เป็นดินแดนของกัมพูชา และชาวบ้านได้อาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ชาวกัมพูชาจำนวนมากที่เคยอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในช่วงและหลังยุคเขมรแดง ยืนยันว่าสถานที่เหล่านี้เป็นดินแดนของกัมพูชาแน่นอน
ล่าสุดวันนี้ (4 กันยายน 2568) สถานการณ์บ้านหนองจานล่าสุด ชาวกัมพูชารวมตัวกดดันทหารไทย ประท้วงป้ายแจ้งเตือนให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำอธิปไตยไทย โดยมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเข้ากดดันทหารไทย วัยรุ่นชาวกัมพูชาใช้ท่อนไม้เป็นอาวุธ ในขณะที่ทหารกัมพูชายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอ