svasdssvasds

ถอดรหัสแผนลวงกัมพูชา ปั่นข่าวชายแดน หวังลากไทยขึ้นศาลโลก

ถอดรหัสแผนลวงกัมพูชา ปั่นข่าวชายแดน หวังลากไทยขึ้นศาลโลก

เปิดยุทธศาสตร์ "นิติสงคราม" ปลุกกระแสชาตินิยมเรื่องชายแดน หวังใช้ IO กดดันให้ไทยยกเลิก MOU 43 เพื่อเปิดทางนำข้อพิพาทสู่ศาลโลก

SHORT CUT

  • ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกใช้เป็น "ม่านควัน" เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาสแกมเมอร์และอาณาจักรอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชา

  • กัมพูชาใช้ปฏิบัติการข่าวสาร (IO) และข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อปลุกปั่นให้คนไทยเกิดความขัดแย้งและไม่ไว้ใจรัฐบาลของตนเอง

  • เป้าหมายสูงสุดคือการกดดันให้ไทยยกเลิก MOU 2543 ซึ่งจะเปิดทางให้กัมพูชาสามารถนำปัญหาเขตแดนเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกได้

 

เปิดยุทธศาสตร์ "นิติสงคราม" ปลุกกระแสชาตินิยมเรื่องชายแดน หวังใช้ IO กดดันให้ไทยยกเลิก MOU 43 เพื่อเปิดทางนำข้อพิพาทสู่ศาลโลก

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ร้อนระอุบนโซเชียลมีเดีย ภาพทหารตรึงกำลัง วาทะเผ็ดร้อนของผู้นำ และความโกรธแค้นของผู้คนจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

นี่อาจทำให้เราเชื่อว่านี่คือสงครามแห่งศักดิ์ศรีและอธิปไตย แต่หากมองทะลุ "ม่านควัน" ของความขัดแย้ง จะพบว่าต้นตอของ "ไฟ" อาจไม่ได้มาจากความขัดแย้งเรื่องดินแดน แต่มาจากความพยายามดับไฟอีกกองที่กำลังลุกลามเผาไหม้เสถียรภาพของชนชั้นนำในกัมพูชาเอง นั่นคือ "อาณาจักรอาชญากรรมไซเบอร์" ที่สร้างรายได้มหาศาล และกำลังถูกประชาคมโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด

 

เบื้องหลังม่านควัน: อาณาจักรสีเทาที่โลกกำลังจับตา

ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นที่ชายแดน เสียงเตือนจากเวทีโลกดังขึ้นก่อนแล้ว รายงานจากหลายองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสหประชาชาติ (UN) ได้ชี้เป้าว่ากัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมืองต่างๆ อย่าง สีหนุวิลล์ ปอยเปต และเกาะกง ถูกระบุว่าเป็นที่ตั้งของ "เมืองอาชญากรรม" ที่มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อรองรับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ

 

อุตสาหกรรมนี้ไม่ได้มีแค่การหลอกลวงคนไทย แต่เป็นเครือข่ายระดับโลกที่สร้างความเสียหายปีละหลายแสนล้านบาท และที่เลวร้ายกว่านั้นคือการ "ค้ามนุษย์" เหยื่อนับแสนคนจากทั่วเอเชีย หรือไกลถึงแอฟริกา ถูกหลอกมาบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสในตึกเหล่านี้ 

 

เมื่อ "อาณาจักรสีเทา" นี้เติบโตจนใหญ่เกินกว่าจะซ่อนได้ และเริ่มปรากฏชื่อผู้มีอำนาจในกัมพูชาเข้าไปพัวพันในรายงานของสื่อต่างชาติ การสร้าง "ม่านควัน" เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน

"ตำราพิชัยสงคราม" ฉบับกัมพูชา: ปลุกชาตินิยมกลบเรื่องฉาว-ปั่นข่าวสั่นคลอนรัฐบาลไทย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กัมพูชาใช้ความขัดแย้งเรื่องชายแดนเป็นเครื่องมือทางการเมือง หากย้อนไปใน กรณีปราสาทพระวิหาร ช่วงปี 2551-2554 รัฐบาลกัมพูชาก็เคยใช้ยุทธศาสตร์ปลุกกระแสชาตินิยม สร้างภาพศัตรูภายนอก (ประเทศไทย) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายในและกระชับอำนาจทางการเมืองได้สำเร็จมาแล้ว

 

"ครั้งนี้ พวกเขากำลังเปิด "ตำรา" เล่มเดิม แต่อัปเกรดด้วยเครื่องมือใหม่ที่ทรงพลังกว่า นั่นคือ ปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ในโลกดิจิทัล" ที่ไม่ได้มุ่งเป้าแค่การสร้างความชอบธรรมให้ฝั่งตนเอง แต่ยังเจาะลึกถึงขั้นใช้ประโยชน์จากปัญหาการเมืองภายในของไทยเพื่อสั่นคลอนรัฐบาลเราจากข้างใน

 

ปฏิบัติการของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในรอยร้าวทางการเมืองของไทยเป็นอย่างดี พวกเขาโยนข่าวปลอมและข้อมูลชี้นำเข้ามาในโซเชียลมีเดียของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักคือ "ทำให้คนไทยรู้สึกเกลียดชังและไม่ไว้วางใจรัฐบาลของตัวเอง"

 

หนึ่งในยุทธวิธีที่ถูกนำมาใช้คือ การปล่อยคลิปเสียงการเจรจาในทางลับระหว่างผู้นำประเทศ สามารถปลุกปั่นให้คนไทยโกรธแค้นนายกรัฐมนตรีและคณะทำงาน  ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศ และลดทอนเอกภาพของฝ่ายไทยได้อย่างหวัง

 

เป้าหมายสูงสุดของเกมนี้

คือการดึงผู้นำและรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการ "นิติสงคราม" (Lawfare) เมื่อรัฐบาลไทยอ่อนแอลงจากการถูกโจมตีด้วยข่าวลวงจนขาดความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน การจะตัดสินใจดำเนินนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับชายแดนก็จะทำได้ยากลำบาก และง่ายต่อการถูกลากเข้าสู่เวทีโลกที่กัมพูชาเป็นผู้ควบคุมเกมได้ง่ายขึ้น


ปฏิบัติการ IO เหล่านี้ดำเนินควบคู่ไปกับการปั่นกระแสให้คนไทยรู้สึกเกลียดชัง "MOU 2543" โดยพยายามสร้างภาพว่าเป็นสนธิสัญญาขายชาติ

เมื่อ ‘ศาลโลก’ คือเป้าหมาย การปั่นหัวคนไทยให้เกลียดกลัว MOU43 คือคำตอบ

การผลักดันให้ไทยยกเลิก MOU 43 คือเป้าหมายสูงสุดของเกมนี้ เพราะ MOU ฉบับนี้คือ "โซ่ตรวน" เพียงเส้นเดียวที่ยังบังคับให้กัมพูชาต้องเจรจาปัญหาเขตแดนกับไทยแบบสองต่อสอง

 

หากแรงกดดันจากปฏิบัติการ IO ทำให้ไทยตัดสินใจยกเลิก MOU ด้วยมือของตัวเอง ก็จะเท่ากับไทยทำลายโซ่ตรวนเส้นนี้ทิ้ง และเปิดประตูให้กัมพูชาลากเรื่องทั้งหมดเข้าสู่ "ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก)" ได้ทันที ซึ่งเป็นเวทีที่กัมพูชาคุ้นเคยและมีความได้เปรียบจากคำตัดสินในอดีต

 

เอาชนะสมรภูมิบนหน้าจอทุกคน ด้วยสูตรเด็ด “เช็ค ก่อน แชร์”

ท้ายที่สุดแล้ว "สงครามข่าวลวง" ครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องของดินแดนไม่กี่ตารางเมตร แต่มันคือ เกมเดิมพันเพื่อความอยู่รอด ของระเบียบอำนาจและผลประโยชน์มหาศาลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาณาจักรสีเทา อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาไม่ใช่ปืนใหญ่ แต่คือการปลุกเร้าอารมณ์ดิบให้บดบังเหตุผล

 

การตระหนักรู้ว่าเรากำลังอยู่ใน "สมรภูมิข้อมูล" คือเกราะป้องกันชั้นแรกและเป็นชั้นที่ดีที่สุด การหยุดคิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกดแชร์ เพื่อตั้งคำถามกับที่มาของข้อมูล และคำถามที่สำคัญที่สุดคือ ‘ใครได้ประโยชน์จากสิ่งนี้?’ หากคนไทยแตกแยกกันเอง ใครคือผู้ที่ยืนยิ้มอยู่บนซากปรักหักพังของความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น

 

"เช็ค ก่อน แชร์"  จึงไม่ใช่แค่ทักษะการเอาตัวรอดส่วนบุคคล แต่คือการร่วมกันปกป้องสังคมจากไวรัสแห่งความเกลียดชัง และอาจเป็นการปกป้องอธิปไตยของชาติในรูปแบบที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21 ก็เป็นได้

related