SHORT CUT
สื่อต่างชาติต่างรายงานข่าวการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอนุทิน ที่ทั่วโลกรู้จักในฐานะ 'ผู้ผลักดันกัญชาไทย' ว่าจะส่งผลต่อทิศทางการเมืองไทยหลังจากนี้อย่างไรบ้าง
สื่อต่างประเทศหลายสำนัก ต่างจับตาความเคลื่อนไหวของการเมืองไทยในวันที่ 5 กันยายน 2568 เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล วัย 58 ปี ได้รับการลงมติจากสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ด้วยการสนับสนุนที่ 311 เสียง และเกิดขึ้นภายหลังการพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงหนึ่งสัปดาห์ ทำให้หลายฝ่ายต่างวิเคราะห์ว่าทิศทางการเมืองไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
Financial Times ได้รายงานให้คำนิยามกับนายอนุทินว่า เป็นอดีตนักธุรกิจและนักการเมืองอาวุโสที่รู้จักกันในชื่อ ‘cannabis king’ (ราชากัญชา) ในฐานะผู้สนับสนุนการยกเลิกกฎหมายกัญชา และถือเป็นผู้นำประเทศคนที่ 3 ของไทยในระยะเวลาเพียง 1 ปี
โดยอ้างถึงการวิเคราะห์ของเมธิส โลหเตปานนท์ นักศึกษาปริญญาเอกและนักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่มองว่า การเลื่อนตำแหน่งของนายอนุทินอาจไม่ช่วยให้ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยสิ้นสุดลง เนื่องจากการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจทำให้กระบวนการกำหนดนโยบายมีความติดขัด ทั้งยังมองว่าข้อเรียกร้องของพรรคประชาชนให้มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้นอาจเกิดขึ้นจริงได้ยากมาก เพราะไม่ใช่นโยบายที่พรรคภูมิใจไทยให้ความสนใจ
ด้าน The Gardian ให้คำนิยามอนุทินว่า มหาเศรษฐีวัย 58 ปีที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองจากการเป็นผู้นำการรณรงค์เพื่อยกเลิกกฎหมายกัญชา ก่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเร่งรีบเกินไปโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ส่งผลให้มีร้านจำหน่ายกัญชาและการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเพิ่มขึ้นทั่วประเทศไทย แม้ว่าอนุทินจะกล่าวว่านโยบายดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การใช้ทางการแพทย์มาโดยตลอดก็ตาม
ทั้งนี้ยังวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอดีตผู้นำที่ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่า การเลื่อนตำแหน่งของอนุทินถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทยภายใต้การอุปถัมภ์ของนายทักษิณ ตอกย้ำให้ความนิยมและอิทธิพลทางการเมืองของเขายิ่งลดน้อยลงนับตั้งแต่กลับจากการลี้ภัยเป็นเวลา 15 ปีในปี 2566 ล่าสุดเขายังเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังดูไบอีกครั้ง ท่ามกลางการจับตาว่าเขาจะกลับมาเข้ารับการพิจารณาคดีอีกครั้งในวันอังคารที่จะถึงนี้หรือไม่
ส่วน Time ได้เผยแพร่การวิเคราะห์ของมาร์ค โคแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านสันติภาพจากมหาวิทยาลัยคันไซไกได ของญี่ปุ่น ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของนายอนุทินอาจถูกจำกัดอย่างรุนแรงภายใต้รัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เขาก็มองว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้ อาจยุติช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนของการเมืองไทยได้ และได้โอกาสพิสูจน์ความเป็นผู้นำของตนเอง
โคแกนยังวิเคราะห์ว่า แม้หลายฝ่ายคาดหวังให้อนุทินรักษาคำพูดเรื่องการยุบสภาภายในสี่เดือน จนกลายเป็นแค่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว แต่เขาอาจเลือกที่จะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ก็ได้ โดยหากจับตาสถานการณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ อนุทินอาจสามารถ "กดดัน" การจัดตั้งรัฐบาลผสมเสียงข้างมากชุดใหม่ได้ ซึ่งรวมถึงพรรคการเมืองที่อาจสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการลงมติเมื่อวันศุกร์ด้วย