SHORT CUT
เปิดประวัติ "อนุทิน VS ชัยเกษม" แคนดิเดตจากเพื่อไทยและภูมิใจไทย เทียบดีกรีศึกชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเผชิญหน้ากับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จฮุน เซน” การพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวส่งผลให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีว่างลงทันที และประเทศต้องเร่งสรรหาผู้นำคนใหม่ ขณะนี้สปอตไลต์ทุกดวงจึงกลับมาจับจ้องที่ นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งต่างถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีผลงานเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และการผลักดันนโยบายกัญชาทางการแพทย์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญที่ดูแลข้าราชการส่วนภูมิภาค จุดแข็งของเขาและพรรคภูมิใจไทยในเวลานี้คือ ความยึดมั่นอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบัน อย่างไรก็ตาม มีจุดอ่อนที่ถูกกล่าวถึงคือเรื่องเขากระโดง และคดีฮั้ว สว.
นายชัยเกษม นิติสิริ มีจุดยืนที่ชัดเจนในด้านนิติรัฐ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เขาเชื่อว่ากฎหมายไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อป้องกันการรัฐประหารในอนาคต จุดแข็งของเขาคือการชูหลักนิติรัฐเป็นทางออกของความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็มีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีเรื่องผลงานของพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างกัมพูชา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกมองว่ามีโอกาสเป็น “นายกรัฐมนตรีคนกลาง” หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนในสภาได้เพียงพอ เนื่องจากเขาสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ พรรคภูมิใจไทยยังเป็นพรรคอันดับสามที่มีจำนวน ส.ส.ในมือเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.กลุ่ม “สุชาติ” จำนวน 18 คนจากพรรครวมไทยสร้างชาติที่แปรพักตร์ไปสนับสนุนนายอนุทิน
นายชัยเกษม นิติสิริ: อาจได้รับโอกาสหากพรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าด้วยหลักการเดิม และเสียงในสภาสนับสนุนการเลือกแคนดิเดตจากพรรคแกนนำ เขาถือเป็นตัวเลือกที่เหลืออยู่ของพรรคเพื่อไทย
ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยต่างเดินหน้าเข้าหา “พรรคประชาชน” เพื่อขอเสียงสนับสนุน พรรคประชาชนได้ยืนยัน 3 เงื่อนไขคือยุบสภาใน 4 เดือน, เดินหน้าประชามติ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจของพรรคประชาชน ซึ่งถือไพ่เหนือกว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกนายกฯคนใหม่
สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันมีความไม่แน่นอน โอกาสในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแต่ละคนขึ้นอยู่กับ การรวบรวมเสียงสนับสนุนในสภา และที่สำคัญยิ่งคือ การตัดสินใจของ "พรรคประชาชน" ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง