svasdssvasds

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด  กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล : จากอดีต ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาจนถึง เหตุการณ์สังหารหมู่ราชวงศ์ ปี 2001 , วังวนการเมือง และล่าสุด สู่เปลวไฟบนท้องถนน กับการประท้วงของ Gen Z ณ ตอนนี้!

สู่เปลวไฟบนท้องถนน : Gen Z กับการปฏิวัติการเมืองเนปาล

ถนนในกรุงกาฐมาณฑุที่เคยเงียบสงบ ตอนนี้กลับดุเดือดด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านของผู้ประท้วงนับพันชีวิต คลื่นมหาชนที่ส่วนใหญ่คือคนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z" หลั่งไหลออกมายึดพื้นที่สาธารณะ พร้อมชูป้ายที่สะท้อนความขุ่นเคืองซึ่งสั่งสมมานานหลาย 10 ปี 

แต่สิ่งที่เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความไม่พอใจ บานปลายสู่ความรุนแรงนองเลือดอย่างรวดเร็ว 

ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ราย และทำให้นายกรัฐมนตรีต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง นี่คือเรื่องราวของประเทศที่ยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ ที่ซึ่งอนาคตถูกกำหนดโดยพลังของคนหนุ่มสาวผู้ไม่ยอมจำนนต่อสภาพที่เป็นอยู่
เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้ Credit ภาพ REUTERS

ชนวนเหตุ: เมื่อ #NepoBaby และการแบนโซเชียลมีเดียจุดไฟแห่งความโกรธ 

การประท้วงครั้งประวัติศาสตร์นี้ของประเทศเนปาล มีจุดเริ่มต้นที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยนักบนโลกออนไลน์ แฮชแท็ก #NepoBaby และ #NepoKids ซึ่งหมายถึง "ลูกท่านหลานเธอ" หรือ "เด็กเส้น" ได้กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วประเทศ วิดีโอที่เผยให้เห็นชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือยของบรรดาลูกหลานนักการเมือง ทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนม รถยนต์ราคาแพง และการท่องเที่ยวต่างประเทศ ถูกนำมาเปรียบเทียบอย่างเจ็บแสบกับชีวิตจริงของคนหนุ่มสาวชาวเนปาลส่วนใหญ่ ที่ต้องเผชิญกับ อัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงถึง 20.8% (ข้อมูลจากธนาคารโลกปี 2024)

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้ Credit ภาพ REUTERS

กลุ่มผู้ประท้วงชูป้ายที่มีคำว่า "Gen Z" และ "Nepo babies" สะท้อนความไม่พอใจต่อระบบอภิสิทธิ์ชน 

ความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนนี้ได้สะท้อนภาพความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของประเทศที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพิงเงินส่งกลับจากแรงงานในต่างแดน คิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของ GDP ทั้งหมด ขณะที่ชนชั้นแรงงานต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ ชนชั้นปกครองกลับเสวยสุขบนความทุกข์ยากของประชาชน

ความโกรธแค้นที่คุกรุ่นอยู่บนโลกออนไลน์ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เค.พี.ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ได้ตัดสินใจ แบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียถึง 26 แพลตฟอร์ม รวมถึง Facebook, Instagram, WhatsApp และ YouTube โดยอ้างเหตุผลว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ยอมจดทะเบียนกับทางการ


สำหรับชาวเนปาล โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่พื้นที่แสดงออก แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวที่ไปทำงานต่างแดน และเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล การแบนครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกและพยายามปิดปากผู้เห็นต่างอย่างโจ่งแจ้ง และมันได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ผลักดันให้ความโกรธเกลื่อนกลาดจากหน้าจอมือถือลงสู่ท้องถนนอย่างเต็มรูปแบบ

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้ Credit ภาพ REUTERS

รากเหง้าแห่งความไม่พอใจ: ประวัติศาสตร์การเมืองที่ไร้เสถียรภาพ 

หากจะทำความเข้าใจความรุนแรงของการประท้วงในวันนี้ เราจำเป็นต้องย้อนมองดูประวัติศาสตร์การเมืองอันผันผวนของเนปาล ประเทศเล็กๆ แห่งเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน

การสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ : เนปาลเคยอยู่ภายใต้ระบอบกษัตริย์มานานกว่า 239 ปี แต่ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง, สงครามกลางเมืองกับกลุ่มเหมาอิสต์ (1996-2006) ที่ยาวนานนับทศวรรษ, และเหตุการณ์สังหารหมู่ราชวงศ์ในปี 2001 ได้สั่นคลอนศรัทธาของประชาชน จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในปี 2008 สถาบันกษัตริย์ได้ถูกยุบลง และเนปาลได้เปลี่ยนผ่านสู่การเป็น "สาธารณรัฐ"

วังวนการเมืองฝ่ายซ้าย : นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง การเมืองเนปาลถูกครอบงำโดยพรรคการเมืองสายคอมมิวนิสต์และสังคมนิยม ซึ่งแม้จะได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงแรก แต่ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน การแตกคอ การสลับขั้ว และการแย่งชิงอำนาจ จนทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพมาโดยตลอด ประชาชนต่างรู้สึกเบื่อหน่ายกับนักการเมืองหน้าเดิมๆ ที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าความเป็นอยู่ของชาติ

สัญญาณแห่งความเบื่อหน่าย : การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2022 ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความเอือมระอาของประชาชน อัตราการออกมาใช้สิทธิ์ที่ค่อนข้างต่ำ และการแจ้งเกิดของพรรคการเมืองทางเลือกใหม่อย่าง พรรค Rastriya Swatantra Party (RSP) ที่มีอายุเพียง 5 เดือนแต่สามารถคว้าที่นั่งในสภาได้ถึง 20 ที่นั่ง คือข้อพิสูจน์ว่าชาวเนปาลกำลังมองหาความหวังใหม่ที่อยู่นอกเหนือจากวังวนการเมืองแบบเดิมๆ

เกิดอะไรขึ้นกับเนปาล วังวนการเมืองเลือด กับการประท้วงใหญ่ของ Gen Z ตอนนี้ Credit ภาพ REUTERS

สถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตที่ไม่แน่นอน 

การประท้วงที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการเผาทำลายอาคารสถานที่ราชการและบ้านพักของนักการเมือง แม้ในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรี เค.พี.ชาร์มา โอลี จะประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และรัฐบาลได้ยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียแล้ว 

โดย แพลตฟอร์มหรือแอปฯ ที่ถูกปิดกั้น ได้แก่ วอตส์แอป (WhatsApp), เฟซบุ๊ก (Facebook), อินสตาแกรม (Instagram) และ ยูทิวบ์ (YouTube) ขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ อาทิ ติ๊กตอก (TikTok) และไวเบอร์ (Viber) ยังคงสามารถใช้งานได้ในประเทศ ณ วันจันทร์ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ยังไม่คลี่คลาย ผู้ประท้วงยังคงปักหลักชุมนุมฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไป ท่ามกลางสุญญากาศทางการเมือง

องค์การสหประชาชาติ UN และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างโปร่งใส

การลุกฮือของ Gen Z ในเนปาลครั้งนี้ เป็นมากกว่าแค่การประท้วงเรื่องการแบนโซเชียลมีเดียหรือปัญหาเด็กเส้น แต่มันคือเสียงสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมทนต่อระบบการเมืองที่ล้มเหลว ความเหลื่อมล้ำที่กัดกินสังคม และอนาคตที่มืดมน พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพลังของคนตัวเล็กๆ เมื่อรวมกันก็สามารถสั่นคลอนอำนาจรัฐได้อย่างน่าทึ่ง แต่คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบก็คือ เปลวไฟแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ถูกจุดขึ้นโดยคนรุ่นใหม่นี้ จะนำพาเนปาลไปสู่แสงสว่างแห่งความหวัง หรือจะมอดไหม้ไปพร้อมกับความรุนแรงและความวุ่นวายที่ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด.

related