SHORT CUT
เปิดใจ ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ ที่ว่ารมว.พาณิชย์ กับ 2 เหตุผล ร่วมรัฐบาลใหม่ อยากช่วยดูแลปากท้องคนไทย-หาอัตลักษ์สินค้าไทยใหม่ลุยตลาดโลก
นาทีนี้หลายคนกำลังจับตาดูว่าคณะรัฐมนตรีใหม่ของ รัฐบาลใหม่จะมีใครบ้าง เพื่อมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย หนึ่งในชื่อที่มีการพูดถึงมากที่สุด และน่าจับตามอง คือ “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการบริหารของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และว่าที่ รมว.พาณิชย์ วันนี้เธอได้เปิดบ้านดุสิตธานี และได้เปิดเผยว่า เธอได้รับถูกทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทยให้เข้ามาร่วมทีมเศรษฐกิจเพื่อดูแลงานในกระทรวงพาณิชย์ โดยเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน
โดยสาเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้มี 2 เหตุผลหลัก ประการแรก คือ มองว่าประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน จึงจำเป็นต้องมีผู้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจในภาพรวม ประการที่สองคือ ตนมีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย
ทั้งนี้ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ในฐานะกรรมการของกลุ่มดุสิตธานีตั้งแต่ปี 2015 และเป็นซีอีโอตั้งแต่ปี 2016 โดยผลประกอบการของดุสิตธานีในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งสถิติใหม่ด้วยรายได้ที่สูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไป แม้จะยังคงมีผลขาดทุนอยู่บ้างื ซึ่งเชื่อว่าขาดทุนจะหมดไปจากการโอนโครงการที่อยู่อาศัยที่ขายไปแล้วมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท การที่หนี้และดอกเบี้ยหมดไปจะนำพาบริษัทเข้าสู่ New Chapter หรือการเปิดศักราชใหม่
นางศุภจี กล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาตลอดชีวิตของเธอ เธอเชื่อว่าประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยผลักดันด้านการต่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าได้ โดยมองว่าการเน้นเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แม้รัฐบาลจะสนใจที่จะทำเรื่องนี้ อย่างเช่น การที่ว่านายกรัฐมนตรีเคยพูดถึงเรื่องการต่อยอดโครงการคนละครึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือต้องสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อพยุงค่าใช้จ่ายในระยะยาว แนวทางที่จะเข้ามาช่วยดูแลคือการเปิดตลาดต่างประเทศ และการหาศักยภาพทางการค้าภายในประเทศ
อย่างไรก็ตามยังมองอีกว่าประเทศไทยคงไม่สามารถอยู่ได้อย่างสุญญากาศ โดยตนจะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาใช้เพื่อสามารถนำมาช่วยประเทศได้ และเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือนในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่สามารถนำมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
จากประสบการณ์ของตนที่ทำงานทั้งใน และต่างประเทศคิดว่าจะสามารถนำทั้งสองส่วนมาผสมผสานกัน ทั้งในเรื่องความสามารถในการติดต่อต่างประเทศและการดูแลภายในประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่การดูแลแบรนด์ของไทย และนำเสนอเอกลักษณ์ความงดงามของการบริการแบบไทยๆ ไปสู่สายตาชาวโลก เพื่อให้คนเห็นศักยภาพของประเทศ
อย่างไรก็ตามหากได้มีการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการ จะเดินหน้าทำงานเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับคนไทย โดยเฉพาะในระดับรากหญ้าด้วยการดูแล และหาเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ไทย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรหรืออื่นๆ และที่สำคัญคือการทำงานร่วมกับคน และพร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจกับข้าราชการในกระทรวงและทีมเศรษฐกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วยหลายส่วน เช่น กระทรวงการคลัง พลังงาน และการต่างประเทศที่ร่วมกันในการทำให้ประเทศแข็งแรงและกลับมายืนได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้รู้ 100% ถึงลงมือทำ แต่ให้ทำ 100% ในสิ่งที่มี
สำหรับการส่งไม้ต่อให้กับ CEO คนใหม่ อย่าง 'ชนินทธ์ โทณวณิก' ส่วนตัวมองว่า คุณ ‘ชนินทธ์’ไม่ใช่คนใหม่ในวงการธุรกิจ เพราะมีประสบการณ์อย่างมากทั้งเคยเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเป็นกรรมการเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวในหลายภูมิภาค ทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป รวมถึงเป็น Advisory Council ให้กับโรงเรียนโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างอีซาน เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะไม่มีข้อสะดุดอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง