แกะ DNA เสื้อผ้าของ Needles แบรนด์ญี่ปุ่นกลิ่นอเมริกัน ที่ผู้ก่อตั้งติดใจวัฒนธรรมอเมริกันจนเกิดเป็นเสื้อผ้าสตรีทแวร์ ที่แม้แต่ Asap Rocky และ Winter วง Aespa ยังมีเก็บไว้ในตู้
หนึ่งในการคอลแลบกันของ fashion brand ที่น่าจับตา (และน่าจับจอง) ที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น Uniqlo x Needles ซึ่งตอนนี้ Uniqlo Thailand ได้อัปรูปไอเทมชิ้นต่าง ๆ ขึ้นเวปรอไว้แล้ว แถมมีไอเทม น่าสนใจหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น กางเกงวอร์ม เสื้อคาดิแกน เสื้อ Jacket ฯลฯ
ใครที่เป็นแฟนสตรีทแวร์จากญี่ปุ่นคงรู้จัก Needles กันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่เห็นว่าเสื้อผ้าสวยดี แต่ไม่เคยได้ยิน หรือรู้จักมาก่อน แบรนด์ที่มีโลโก้เป็นรูปผีเสื้อนี้ทำไมมีคนสนใจเยอะจังนะ SPRiNG จะพาไปทำความรู้จักแบรนด์นี้กัน
Needles ก่อตั้งโดย เคโซ ชิมิซุ (Keizo Shimizu) แฟชั่นดีไซน์เนอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นญี่ปุ่น ปัจจุบันอายุ 67 ปี เดิมแล้ว คุณ Keizo มีร้านขายเสื้อผ้าอยู่แล้วชื่อ NEPENTHES ซึ่งวางขายเสื้อผ้าแบรนด์ จำพวก Ralph Lauren, New Balance, L.L.Bean
หลังจากเปิดร้าน NEPENTHES ในปี 1989 คุณ Keizo ก็คือการเดินทางไปอเมริกาบ่อยขึ้น เพื่อเสาะหาข้าวของวินเทจ ชุดเดนิม กางเกงทหาร หรือเสื้อผ้าแบบดิบ ๆ สุดท้ายข้าวของเหล่านี้ก็จะถูกนำไปวางขายที่ร้าน NEPENTHES ของเจ้าตัวในญี่ปุ่น
หมายความว่ายังไม่มีเสื้อผ้าที่ถูกสร้างสรรค์โดยความคิด ประสบการณ์ของตัวเองเลยสักชิ้น จนในปี 1997 คุณ Shimizu ว่าจ้าง ไดกิ ซูซูกิ (Daiki Suzuki) ดีไซน์เนอร์เชื้อสายญี่ปุ่นอเมริกัน มาร่วมกันพัฒนาเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา เป็นเสื้อผ้าในแบบที่ทั้งสองอยากจะเห็นอยากจะสวมใส่ในนามของ Needles
สินค้าชิ้นแรกในนาม Needles ก็คือสูท เป็นเสื้อสูททรงหลวม ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแต่งตัวของ Miles Davis นักแต่งเพลงและหัวหน้าวงดนตรีแจ๊สชาวอเมริกันแอฟริกัน ที่พัฒนาการเล่นดนตรีแจ๊สให้หลากหลายขึ้น
ความเป็นอเมริกันยังสะท้อนผ่านโลโก้ของแบรนด์ Needles ด้วย รูปผีเสื้อนี้มีที่มาจากรอยสักของ Steve Mcqueen ในภาพยนตร์เรื่อง Papilon เมื่อปี 1973 หนึ่งในปัจจัยที่เชื่อมสะพานเด็กญี่ปุ่นคนนี้ไปยังอเมริกันก็คือภาพยนตร์ เพราะพ่อของคุณ Shimizu ทำธุรกิจโรงหนังนั่นเอง
หากจะอธิบายสไตล์เสื้อผ้าของ Needles ให้เห็นภาพง่าย ๆ นั่นก็คือการนำวัฒนธรรมอเมริกันมาผสมรวมกับแฟชั่นของชาวญี่ปุ่น คือความเป็นอเมริกันมีอิทธิพลกับคุณเคโซ ชิมิซุอย่างมาก เพราะคุณ Shimizu ได้เห็นความเป็นอเมริกันที่ฝังอยู่บนแฟชั่นจากนิตยสาร Men’s Club ที่วางขายในญี่ปุ่นเมื่อปี 1971 ตอนเขาอายุได้เพียง 13 ปี
และสไตล์ที่ถูกอกถูกใจของคุณ Shimizu มากเลยก็คือ Heavy-duty Ivy นี่เป็นสไตล์ที่ผสมกันของ IVY STYLE การแต่งตัวของนักศึกษากลุ่ม IVY LEAGUE ของอเมริกา เป็นแฟชั่นในรั้วมหาวิทยาลัยที่เน้นความ casual เช่น คุณอาจใส่ loafer หนัง กางเกงชีโน่ ใส่เสื้อในแขนสั้น จบลุคด้วยแจ๊คเก็ตสองกระดุม
กับอีกหนึ่ง DNA คือเสื้อผ้าสไตล์ outdoor แบบที่ L.L.Bean ที่เจ้าตัวชื่นชอบและนำเข้ามาขายที่ร้าน เสื้อผ้าแบบนี้มีไอเทมอะไรบ้าง เช่น เสื้อปีนเขา แจ็คเก็ตขนเป็ด รองเท้าบูท มีเกร็ดอย่างหนึ่งคือคุณ Shimizu เป็นคนชอบกิจกรรมกลางแจ้งมาก ก็เลยคิดว่าถ้าได้ออกแบบเสื้อผ้าของตัวเอง จะเอา 2 DNA นี้มารวมกัน
เมื่อได้รู้เบื้องหลังที่มาของแบรนด์ และตัวผู้ก่อตั้งก็พอจะเข้าใจว่าทำไมถึงเรียก Needles ว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกัน เพราะถ้าเราเลื่อนไปดูชุดในแต่ละคอลเลกชั่น เราก็จะเห็นสไตล์ที่ชัดเจนนั่นคือ ร่องรอยของเสื้อผ้าแบบอเมริกัน ผสมกับความเรียบไม่เวิ่นเว้อแบบญี่ปุ่น และมีกลิ่นเสื้อผ้ากลางแจ้งหน่อย ๆ แบบที่เจ้าตัวชื่นชอบ
ฟังไม่ผิด แม้ปัจจุบัน ร้าน NEPENTHES จะขยายสาขาไปยังเมืองใหญ่ทั่วโลกแล้ว เช่น ชิบูย่า โตเกียว ลอนดอน หรือนิวยอร์ก ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าทุกชิ้นของ Needles ก็ได้ไปวางขายด้วย หนึ่งเรื่องที่คุณ Shimizu ตั้งใจเอาไว้คือ สินค้าทุกชิ้นต้องผลิตในโรงงานที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
หนึ่งในไอเทมที่สร้างชื่อมากที่สุดของ Needles คือ sportwear หรือในชื่อ Needles Sportwear นี่เป็นอีกไลน์ที่แยกออกมา ส่วนใหญ่แล้วจะผลิตชุดวอร์ม ที่วางขายที่ไรก็หมดสต็อกตลอด ซึ่งก็มีศิลปินระดับโลกมาจับจองไปเป็นเข้าของกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็น A$AP Rocky วินเทอร์จาก Aespa หรือจองกุก จากวง BTS เป็นต้น
นี่ก็เป็น Brand Story ของ Needles ที่เราหยิบมาเล่าให้ฟัง ใครสนใจลองกดเข้าไปส่องในเว็บไซต์ของ Uniqlo Thailand ในคอลเลกชั่น Uniqlo x Needles ได้ที่ลิงก์นี้
ที่มา: Needles, highsnobiety,
ข่าวที่เกี่ยวข้อง