svasdssvasds

เกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐสภาสหรัฐฯ ถูก 'ชัตดาวน์' อย่างเป็นทางการ

เกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐสภาสหรัฐฯ ถูก 'ชัตดาวน์' อย่างเป็นทางการ

รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ 'ชัตดาวน์' อย่างเป็นทางการแล้ว หลัง สว. พรรคเดโมแครตค้านร่างกฎหมายการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล

SHORT CUT

  • การชัตดาวน์เกิดจากความขัดแย้งด้านงบประมาณระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ทำให้ไม่สามารถผ่านกฎหมายจัดสรรงบประมาณได้
  • ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ต้องหยุดทำการ และพนักงานรัฐบาลกลางประมาณ 750,000 คนถูกสั่งพักงานชั่วคราว
  • เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่จำเป็น เช่น ความมั่นคงและกองทัพ ยังคงต้องทำงานแต่จะไม่ได้รับเงินเดือนจนกว่าการชัตดาวน์จะสิ้นสุด

รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ 'ชัตดาวน์' อย่างเป็นทางการแล้ว หลัง สว. พรรคเดโมแครตค้านร่างกฎหมายการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะ 'ชัตดาวน์' หรือถูกบังคับให้ปิดทำการเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังสมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตปฏิเสธที่จะโหวตสนับสนุนแผนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลภายใต้การบริหารของพรรครีพับลิกัน ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดจำเป็นต้องยุติกิจกรรมทุกอย่าง ยกเว้นกิจกรรมที่จำเป็น เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบังคับใช้กฎหมายหรือความปลอดภัยของประชาชน

ภายหลังการปิดทำการ ทั้งสองพรรคการเมืองยังคงกล่าวโทษกันไปมา โดยพรรครีพับลิกันซึ่งครองทำเนียบขาวและมีเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยในรัฐสภา ตำหนิพรรคเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุ ด้วยการใช้ความมั่นคงของรัฐบาลเป็นตัวประกันเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ส่วนพรรคเดโมแครตกล่าวโทษที่รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ตอบตกลงต่อข้อเรียกร้องให้ต่ออายุงบประมาณอุดหนุนค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งมีขึ้นเพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันหลายล้านคน

เกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐสภาสหรัฐฯ ถูก \'ชัตดาวน์\' อย่างเป็นทางการ

รัฐบาล 'ชัตดาวน์' กระทบอะไรบ้าง

เมื่อรัฐบาลไม่มีงบประมาณสำหรับดำเนินกิจการต่างๆ ของประเทศ กฎหมายสหรัฐฯ ได้กำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ต้องพักงานพนักงานทั้งหมด ยกเว้นผู้ที่ทำงานเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของรัฐและประชาชนที่จะยังคงทำหน้าที่ต่อไป แต่จะยังไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่าการชัตดาวน์จะสิ้นสุด เช่น เจ้าหน้าที่สืบสวนของ FBI, เจ้าหน้าที่ CIA, เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ, เจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดตรวจที่สนามบิน และเจ้าหน้าที่กองทัพ

สำนักงานงบประมาณรัฐสภาประเมินว่าพนักงานรัฐบาลกลางประมาณ 750,000 คนอาจถูกพักงาน โดยมีค่าใช้จ่ายรวมของค่าตอบแทนรายวันอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของรัฐบาลกลางแต่ละแห่งจะพัฒนาแผนการปิดหน่วยงานของตนเอง โดยระบุว่าพนักงานคนใดจะยังคงทำงานต่อไปและพนักงานคนใดจะถูกพักงาน และคนงานที่ถูกพักงานจะได้รับเงินค่าจ้างคืนเมื่อพวกเขากลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง

กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์อยู่แล้ว ก็จะต้องหยุดชะงักการทำงานลงอีกเนื่องจากรัฐบาลปิดทำการ แม้พวกเขาคาดว่าจะยังสามารถดำเนินงานบางส่วนต่อไปได้ท่ามกลางการพักงานพนักงานกว่า 80% แต่ความช่วยเหลือทางการเงินทุนช่วยเหลือด้านการศึกษาสำหรับนักเรียน-นักศึกษากว่า 9.9 ล้านคน อาจเผชิญความล่าช้า

นอกจากนี้ผลกระทบยังคุกคามไปถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุข หน่วยงานอนุรักษ์และอุทยานแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานบรรเทาภัยพิบัติ ที่แม้จะต้องทำงานกันต่อ แต่พนักงานจำนวนมากก็มีแนวโน้มจะใช้โอกาสลาป่วยหรือลาพักร้อนในช่วงที่ไม่สามารถรับเงินเดือนได้ตามปกติเช่นนี้ แม้แต่สวนสาธารณะต่างๆ ก็อาจขาดคนดูแลชั่วคราวเช่นกัน

ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดน่าจะตกอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและทหารประจำการ ซึ่งจะไม่ได้รับเงินเดือนในช่วงที่รัฐบาลปิดทำการ ขณะที่ทรัมป์ยังขู่ด้วยว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการสั่งปลดพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมาก เพื่อลดภาระที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงานเหล่านั้น ซึ่งหากเป็นไปตามคำขู่ดังกล่าว อาจทำให้เกิดภาวะความไม่แน่นอนของภาคแรงงานที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของหลายรัฐด้วย

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าการชัตดาวน์รัฐบาลครั้งนี้จะกินเวลานานแค่ไหน หรือจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงมากน้อยเพียงใด แต่การปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีนั้น เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2561 เมื่อรัฐบาลปิดหน่วยงานบางส่วนเป็นเวลานานถึง 5 สัปดาห์ ท่ามกลางข้อพิพาทเกี่ยวกับการจัดสรรเงินทุนสำหรับสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์