SHORT CUT
RATCH-Australia พลิกโฉมโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติทาวน์สวิลล์ในออสเตรเลีย ให้ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเสถียรภาพของกริด เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน
โรงไฟฟ้าทาวน์สวิลล์ (Townsville Power Station) ดำเนินงานโดย RATCH Australia Corporation (RAC) หรือ บริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 100 มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 234 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ในเมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย
ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าทาวน์สวิลล์ เป็นเหมือนหัวใจของระบบไฟฟ้า ผลิตพลังงานป้อนสู่ครัวเรือนกว่า 30,000 หลังคาเรือน และสร้างความมั่นคงให้กับโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ (National Electricity Market)
แต่เมื่อโลกก้าวสู่ยุคพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน โรงไฟฟ้าประเภทนี้ถูกตั้งคำถามว่าจะไปต่ออย่างไร — จะกลายเป็นเพียงเศษซากของโครงสร้างพื้นฐานยุคเก่าหรือไม่
ด้วยการตัดสินใจที่ชาญฉลาด RATCH-Australia เลือกที่จะพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยี Hybrid Rotating Grid Stabilizer (RGS) จาก Siemens Energy และการติดตั้งคลัตช์อัจฉริยะ Synchro-Self-Shifting (SSS) โรงไฟฟ้าทาวน์สวิลล์สามารถเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น จากการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิม สู่การทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของกริดพลังงานหมุนเวียน
พลังงานสะอาดจากลมและแสงอาทิตย์ จะสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบได้อย่างมั่นคงและเชื่อถือได้ ขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดการลงทุน ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการสร้างอุปกรณ์ใหม่ถึงครึ่งหนึ่ง
การปรับปรุงนี้เริ่มเดินเครื่องแล้วเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 และถือเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ใช่แค่ “ของเก่าไป ของใหม่มา” แต่คือการ บูรณาการและเสริมบทบาท
ในช่วงที่อุปาทานไฟฟ้าสูง จากการผลิตของโรงไฟฟ้าหมุนเวียนอื่นๆ ราคาไฟฟ้าเรียลไทม์ต่ำ โรงไฟฟไม่จำเป็นต้องเดินเครื่องให้สิ้นเปลืองต้นทุน โดยทำหน้าที่เป็นกริดที่รักษาความมั่นคงของระบบ โดยได้รับค่าบริการจากรัฐบาล แต่เมื่อราคาไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น จากกรณีที่โรงไฟฟ้าประเภทอื่น เช่นพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์น้อยลง ก็จะสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเสริมให้กับระบบได้ทันที
เมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินทยอยปลดระวาง และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นขยายตัวมากขึ้น บทบาทของทาวน์สวิลล์ในฐานะ “ผู้รักษาสมดุล” จึงยิ่งทวีความสำคัญ
แม้สัญญาการซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ กับรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐควีนส์แลนด์ จะมีอายุ 10 ปี หลังจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับเดิม ซึ่งมีระยะเวลา 25 ปี สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 แต่รูปแบบการจัดการโรงไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ ที่สามารถคืนทุนในเวลาเพียง 5 ปี และยังสามาถทำรายได้ต่อเนื่องจากการเป็นผู้พิทักษ์กริด จึงเป็นโอกาสในการลงทุนที่สำคัญ และเป็นโมเดลในการหารายได้ใหม่ที่น่าสนใจ
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบไฟฟ้ามีเสถียรภาพ แต่ยังเชื่อมโยงกับชุมชนรอบข้าง โรงไฟฟ้าทาวน์สวิลล์สนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษา วัฒนธรรม กีฬา สิ่งแวดล้อม และสวัสดิการท้องถิ่น ตอกย้ำว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ต้องเติบโตไปพร้อมกับ ผู้คนและชุมชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่จริงๆ
RATCH-Australia กำลังพิสูจน์ว่า การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน ไม่ได้หมายถึงการทิ้งอดีต แต่คือการใช้ภูมิปัญญาและนวัตกรรม พลิกโครงสร้างเก่าให้กลายเป็นพลังแห่งอนาคต
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการยืดอายุโรงไฟฟ้าเก่า แต่คือการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสินทรัพย์ และตอกย้ำบทบาทของบริษัทในการขับเคลื่อนสังคมสู่พลังงานสีเขียวอย่างมั่นคง ยั่งยืน และคุ้มค่า
ที่มา : Posttoday