svasdssvasds

เกาหลีใต้ผลักดันนโยบายทำงาน 4.5 วัน/สัปดาห์ ตามที่หาเสียงไว้

เกาหลีใต้ผลักดันนโยบายทำงาน 4.5 วัน/สัปดาห์ ตามที่หาเสียงไว้

เกาหลีใต้ดันนโยบาย 4.5 วันทำงาน/สัปดาห์ หวังยกระดับคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาประชากร แต่ภาคธุรกิจหวั่นต้นทุนพุ่งและกระทบการแข่งขัน

รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจ-มยอง กำลังผลักดันนโยบายหาเสียงหลักเรื่องการทำงานสัปดาห์ละ 4.5 วัน หรือลดชั่วโมงทำงานตามกฎหมายจาก 40 เหลือ 36 ชั่วโมง โดยไม่มีการลดค่าจ้าง

เกาหลีใต้ผลักดันนโยบายทำงาน 4.5 วัน/สัปดาห์ ตามที่หาเสียงไว้

โดยเป้าหมายใหญ่ของการผลักดันในครั้งนี้คือลดชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อปีของคนเกาหลีให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ภายในปี 2030 ที่ 1,742 ชั่วโมง จากสถิติปี 2023 ที่คนเกาหลีทำงานเฉลี่ย 1,874 ชั่วโมงต่อปี

อย่างไรก็ตาม การผลักดันครั้งนี้ กลับสร้างความกังวลอย่างมากให้กับภาคธุรกิจ ที่มองว่าการลดชั่วโมงทำงานของแรงงานลง โดยที่ประสิทธิภาพการผลิตยังคงเท่าเดิม จะส่งผลกระทบต่อผลิตภาพและทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ดูจะกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ฝั่งเอเชีย ส่วนใหญ่แล้วยังทำงานกัน 5 วัน หรือ 6 วันกันเป็นเรื่องปกติ ล่าสุด กระทรวงการบริหารและกฎหมายเกาหลีใต้ เตรียมยื่นร่างกฎหมายใหม่ชื่อ "พระราชบัญญัติสนับสนุนการลดชั่วโมงทำงาน" ต่อสภาภายในสิ้นปีนี้ โดยในร่างกฎหมายจะมีการให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่นำระบบนี้มาใช้

โดยเบื้องต้น กระทรวงการจ้างงานและแรงงานได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีตัวแทนจากสหภาพแรงงาน กลุ่มธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อร่วมกันวางแผนการลดชั่วโมงทำงานอย่างเป็นรูปธรรม งานนี้แรงงานชาวเกาหลีใต้ปลื้มใจกันยกใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าภาคธุรกิจจะไม่เห็นด้วย

 

ภาคธุรกิจเสียงแตก work life balance ของพนักงาน หรือ ต้นทุนพุ่ง?

เมื่อมีข่าวคราวทำนองนี้ออกมา แน่นอนว่าผู้มีผลได้ผลเสียต่อนโยบายดังกล่าวคือภาคธุรกิจ (ในระนาบแรก) โดยฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่าการลดชั่วโมงทำงานจะช่วยให้คนมี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น ช่วยลดภาวะหมดไฟ และยังเป็นทางออกสำคัญในการแก้ปัญหาอัตราการเกิดที่ต่ำและเศรษฐกิจที่เติบโตช้า

นายคิม ฮยอง-ซุน ประธานสหภาพอุตสาหกรรมการเงินเกาหลีกล่าวว่า การทำงาน 4.5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ใช่แค่ทางออกในการแก้ไขปัญหาการเติบโตของประเทศที่ต่ำและการลดลงของประชากรในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำและการเติบโตที่ซบเซาของเกาหลีใต้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่คือภาคธุรกิจ ต่างออกมาเตือนว่า การลดชั่วโมงทำงานโดยที่ประสิทธิภาพการผลิตไม่เพิ่มขึ้น จะยิ่งบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่ต้องเผชิญกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว

สถิติจาก OECD ในปี 2023 ระบุว่า คนงานเกาหลีสร้าง GDP ต่อชั่วโมงได้เพียง 54.64 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคนอเมริกันที่ 97.05 ดอลลาร์เกือบครึ่ง และยังต่ำกว่าเยอรมนี (93.72 ดอลลาร์) และฝรั่งเศส (87.30 ดอลลาร์) อย่างมาก

สมาพันธ์องค์กรเกาหลีกล่าวว่า ในเมื่อผลิตภาพแรงงานของเกาหลียังตามหลังประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างมาก การลดชั่วโมงทำงานตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวจะบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ควรให้ความสำคัญกับการทำงานที่ยืดหยุ่นและระบบการทำงานล่วงเวลาที่ยืดหยุ่นกว่านี้

 

ธุรกิจขนาดเล็กแบกรับภาระหนักสุด

นายซง ชี-ยอง กล่าวว่า "ถ้ากฎหมายครอบคลุมธุรกิจที่มีพนักงานน้อยกว่า 5 คน ค่าล่วงเวลาจะเริ่มใช้ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้าคับคั่ง ภาระจะตกอยู่กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา”

นอกจากนี้ ผลการศึกษาจากสถาบันการเติบโตอย่างยั่งยืน (SGI) พบว่า หากไม่มีการเพิ่มผลิตภาพ การลดชั่วโมงทำงานจะทำให้ช่องว่างระหว่างค่าจ้างและผลผลิตกว้างขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น

 

ที่มา: koreaherald

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related