svasdssvasds

“อาหารอะไรที่พอมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วคนต่างจังหวัด culture shock

“อาหารอะไรที่พอมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วคนต่างจังหวัด culture shock

“อาหารอะไรที่พอมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วคนต่างจังหวัด culture shock” คำถามง่าย ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความต่างขั้วของคนไทย 2 เผ่าพันธุ์

ใครจะไปคิดว่าแค่คุณอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กินก๊วยเตี๋ยว 1 ถ้วย เอาลิ้นแตะชิมรสชาติแล้วพูดว่า “รสออกหวาน ๆ รสคนกรุงเทพฯ” จะเกิดอิมแพ็คให้คนมาถกเถียงกันมากมาย โดยคำถามที่ชาว X ถามต่อยอดมาจากคลิปของคุณอดิศรคือ “อาหารอะไรที่พอมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วคนต่างจังหวัด culture shock” ซึ่งขณะนี้โพสต์ดังกล่าวมียอดวิวมากถึง 16.5 ล้าน

ซึ่งแน่นอนว่าก็มีคนหลั่งไหลเข้ามาโชว์ความ culture shock ของอาหารกันมากมาย ซึ่งบอกเลยว่ามากันครบทุกภูมิภาคไล่มาตั้งแต่เหนือจรดใต้ ยกตัวอย่างเช่น คนกรุงเทพฯ กินลาบปลาดุกแบบแห้ง แต่ชาวโคราชกินลาบปลาดุกแบบเหลว ๆ หรืออาหารที่คนกรุงเทพฯ เรียกว่ากวยจั๊บ พอไปถามชวนอุบลราชธานีก็บอกว่านี่ไม่ใช่กวยจั๊บ กวยจั๊บบ้านฉันเป็นแบบนี้ ซึ่งมันก็คือกวยจั๊บญวณ

การถกเถียงดังกล่าวชวนให้นึกถึงแนวคิดของศาสตราจารย์ธเนศ วงศ์ยานนาวา อดีตอาจารย์ภาควิชาปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเคยกล่าวถึงเรื่องอาหารไว้ในหนังสือชื่อ “จักรญาณวิทยา ธเนศ วงศ์ยานนาวา กับบทสนทนารอบตัว” อาจารย์ธเนศเสนอว่าอาหารไม่ใช่สิ่งที่เรากินเพื่อดำรงชีวิต แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นพลวัตทางสังคม ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ และมนุษย์แลกเปลี่ยนอาหารกันมาตลอด อาหารเป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์แลกเปลี่ยนกันมาตลอด

พูดง่าย ๆ คือว่าอาหารมันถูกปรับไปตามถิ่นที่อยู่ และพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งเหตุผลในการปรับก็มีหลากหลาย เช่นปรับเพื่อให้มันทำง่ายขึ้น ใช้เวลารวดเร็วเหมาะกับการซื้อมาจ่ายไปของชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ จนมันเกิดคำว่ารสแท้ รสกรุงเทพฯ ขึ้นมา และอาหารก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยไปตลอดเวลา เพราะจนถึงตอนนี้ก็มีอาหารหลายจานจากหลากหลายภูมิภาคที่หายไปจนคนรุ่นหลังไม่รู้จักแล้ว

และการพูดว่าอาหารนี้เป็นของใครก็เป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะเมื่อสืบไปแล้วหลาย ๆ เมนูที่คิดว่ามีออริจินัลในไทยแน่ ๆ กลับเป็นของชาติอื่นไปเสียได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนเลยก็คือ ก๊วยเตี๋ยว ผศ.ดร.ชาติชาย มุกสง อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้เขียน ปฏิวัติที่ปลายลิ้น ปรับรสแต่งชาติ อาหารการกินในสังคมไทยหลัง 2475 เสนอว่าก๊วยเตี๋ยวมีต้นตำรับมาจากชาวจีน

แต่ถูกคณะราษฎรนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง กล่าวคือคณะราษฎรต้องการให้ก๊วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่สะท้อนแนวคิดเรื่องความเสมอภาค คนทุกชนชั้นเข้าถึงได้ รวมถึงเครื่องปรุงรสที่หลากหลายที่ประชาชนสามารถเลือกปรุงได้ตามใจเลือก (เสรีภาพ) นั่นเอง

อีกหนึ่งกรณีที่ชาว X ถกเถียงกันคือเรื่องสายพันธุ์ข้าว (ลามไปถึงขั้นนั้น) โดยคนต่างจังหวัดมองว่าข้าวสวยที่ขายกันอยู่ในกรุงเทพฯ นั้นแข็งและกินไม่อร่อย ข้าวแบบนี้ที่ต่างจังหวัดเอาไว้เลี้ยงไก่ เพราะในต่างจังหวัดนั้นสามารถกินข้าวหอมมะลิแบบหอมนุ่มได้ง่าย ๆ ราคาถูก จึงงุนงงกับข้าวที่แห้งกรากของคนกรุงเทพฯ ซึ่งมันก็น่าตั้งคำถามว่าเมืองไทยที่มีข้าวมากกว่า 100 สายพันธุ์ ไฉนคนกรุงเทพฯ ได้กินแต่ข้าวแห้ง ๆ ต้นตอของเรื่องนี้คืออะไร

ปรากฏการณ์นี้มันก็เป็นการถกเถียงที่ไม่รู้จบ ซึ่งมีมายาวนาน และจะมีต่อไปเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะว่าอาหาร หรือรสชาติ ของแต่ละถิ่นก็จะแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะถูกปรับนิดเปลี่ยนหน่อยไปตามวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่นั้น ๆ

และหนึ่งในประเด็นที่ไม่แคล้วจะถูกหยิบมาพูดนั่นคือวิธีการมองว่าคนต่างจังหวัดยังผูกโยงอยู่กับความไม่เจริญ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถูกปลูกฝังอย่างเป็นระบบมายาวนาน และที่บอกว่าไม่เจริญนี้ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องอาหารเท่านั้น แต่การถกเถียงลากไปถึงเรื่องวิถีชีวิต การแต่งกาย ฯลฯ ซึ่งนับว่าผิดประเด็นไปมาก

นี่ยังไม่พูดถึงประเด็นว่าคนกรุงเทพฯ คือใคร เพราะถ้ามานิยามเจาะลึกกันจริง ๆ เราจะเห็นว่าคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ โดยแท้ แต่เป็นประชากรแฝงที่เข้ามาเรียน หรือทำงาน เพราะทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่เมืองหลวงแห่งนี้

แล้วคุณล่ะ ย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไร และมีอาหารอะไรที่เห็นแล้ว culture shock บ้าง เล่าให้เราฟังหน่อย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related