SHORT CUT
ทำความรู้จัก "พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์" จุดเริ่มต้นจากการเป็นป้อมปราการ ก่อนถูกปรับเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวงในสไตล์เรอเนซองส์ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่จัดแสดงผลงานศิลปะระดับโลกที่มีชื่อเสียงมากมาย
เมื่อพูดถึงมหานครปารีส สถานที่หนึ่งที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยคือ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก
รู้หรือไม่ว่าก่อนจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ลูฟร์เคยเป็น พระราชวังหลวง มาก่อน! ประวัติศาสตร์ของอาคารแห่งนี้ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยราชวงศ์กาเปเซียง โดยเริ่มจากการเป็น ป้อมปราการ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟีลิปที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1190
ต่อมาในสมัยพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ได้มีการรื้อป้อมเก่าทิ้งและสร้างพระราชวังใหม่ในสไตล์เรอเนซองส์ ทำให้ราชวงศ์ฝรั่งเศสย้ายมาพำนักในวังนครปารีสแห่งนี้เรื่อยมา กษัตริย์แต่ละพระองค์ต่างก็ต่อเติม ตกแต่ง ขยายอาณาเขตให้พระราชวังมีความโอ่อ่า สง่างาม เพื่อแสดงถึงอำนาจและบารมี จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
หลังการปฏิวัติครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1793 พระราชวังลูฟร์จึงถูกปรับเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และเปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกกว่า 35,000 ชิ้น ครอบคลุมตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงศตวรรษที่ 19 บนพื้นที่กว่า 60,600 ตารางเมตร
แต่ละปีกถูกจัดแบ่งพื้นที่สำหรับจัดเก็บผลงานศิลปะตามประเภทและยุคสมัยอย่างเป็นสัดส่วน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความงามของศิลปะและประวัติศาสตร์ ลูฟร์คือสวรรค์ที่ไม่ควรพลาด ผลงานแต่ละชิ้นมีความงดงามน่าตื่นตาตื่นใจและเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่าประเมินราคาไม่ได้ ซึ่งสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของแต่ละยุคสมัย
นอกจากนี้ ลูฟร์ยังเป็นฉากหลังสำคัญในโลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์สืบสวนชื่อดังระดับโลกอย่าง "รหัสลับดาวินชี" (The Da Vinci Code) ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญและความลึกลับของสถานที่แห่งนี้
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่จัดเก็บงานศิลปะในสมัยอียิปต์ไว้มากที่สุดแห่งนึงของโลกเลยก็ว่าได้ โดยมีผลงานศิลปะมากกว่า 50,000 ชิ้น ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 ไปจนถึงอารยธรรมไนล์ ซึ่งในห้องจัดแสดงก็จะได้มีโอกาสชมศิลปะอียิปต์โบราณมากมาย เช่น เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า เครื่องประดับ โลงศพ สิ่งของเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวอียิปต์ที่มีความเชื่อในด้านศาสนาและพิธีฝังศพ
ในโซนของศิลปะอิสลาม มีการเปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ. 2003 หรือเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นโซนที่ใหม่มาก เมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ โดยจัดแสดงชิ้นงานกว่า 3,000 ชิ้น ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 – 19 ผลงานที่เด่น ๆ ในโซนนี้ก็อย่างเช่น จานลายนกยูง คัมภีร์ชอฮ์นอเม และแจกันพอร์ตแลนด์
ผลงานที่ขึ้นชื่อในโซนงานปั้น ยกตัวอย่างเช่น งานปั้น Satan จาก Jean-Jacques Feuchere งานปั้น Diana the Huntress จาก Jean-Antoine Houdon โซนนี้ก็เป็นอีกโซนนึงที่เรียกได้ว่าเป็นที่เก็บสะสมงานประติมากรรมฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในโลก