svasdssvasds

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

มาเรีย เลติเซีย มาดามแมร์ แม่ผู้ปั้นจักรพรรดินโปเลียน! หญิงแกร่งชาวคอร์ซิกา ผู้หล่อหลอมผู้นำด้วยวินัย ความมัธยัสถ์ และความภักดีต่อครอบครัว

SHORT CUT

  • มาเรีย เลติเซีย เติบโตบนเกาะคอร์ซิกาและได้รับการอบรมเรื่องการดูแลบ้านเรือนและการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
  • ธอเป็นแม่ที่ เคร่งครัดและมีวินัย อย่างมาก
  • แม้เธอจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของนโปเลียนกับโฌเซฟีนและแสดงออกด้วยการไม่เข้าร่วมพิธีราชาภิเษก แต่เธอก็เป็นแม่ที่ ยืนเคียงข้างลูกชายเสมอ

มาเรีย เลติเซีย มาดามแมร์ แม่ผู้ปั้นจักรพรรดินโปเลียน! หญิงแกร่งชาวคอร์ซิกา ผู้หล่อหลอมผู้นำด้วยวินัย ความมัธยัสถ์ และความภักดีต่อครอบครัว

มาเรีย เลติเซีย ราโมลิโน มารดาของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ผู้เป็นที่รู้จักในนาม "มาดามแมร์" (Madame Mère) เธอคือสตรีผู้เป็นศูนย์กลางของตระกูลโบนาปาร์ต ชีวิตของเธอเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งจากหญิงสาวธรรมดาบนเกาะคอร์ซิกา สู่การเป็นมารดาของผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรป โดยหลักการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายของเธอ มีอิทธิพลต่อความสำเร็จและชะตากรรมของนโปเลียนและสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรง

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

ชาติกำเนิดและภูมิหลังในคอร์ซิกา

มาเรีย เลติเซีย ราโมลิโน เกิดที่เมืองอายาชโช (Ajaccio) บนเกาะคอร์ซิกา ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเจนัว เธอสืบเชื้อสายจากตระกูลขุนนางระดับล่างของอิตาลีที่ตั้งรกรากอยู่ในคอร์ซิกามาหลายชั่วอายุคน บิดาของเธอ จิโอวานนี่ เยโรนิโม ราโมลิโน เป็นนายทหารที่บัญชาการกองทหารรักษาการณ์ในอายาชโช ส่วนมารดาของเธอ แองเจลา มาเรีย ปิเอตรา-ซานตา ก็มาจากตระกูลเก่าแก่ของชาวคอร์ซิกาเช่นกัน

ในวัยเด็ก เลติเซียได้รับการศึกษาจากที่บ้าน โดยเน้นไปที่ทักษะด้านการจัดการครัวเรือน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปกติสำหรับสตรีชาวคอร์ซิกาในยุคนั้น การเลี้ยงดูแบบเรียบง่ายนี้เป็นรากฐานสำคัญของบุคลิกภาพที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ทำให้เธอเป็นสตรีที่มีความสง่างามแต่ก็ยังคงความเรียบง่ายเอาไว้

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

 

การแต่งงานกับคาร์โล บูโอนาปาร์เตและความยากลำบากของครอบครัว

ในปี 1764 ขณะที่เธอมีอายุเพียง 13-14 ปี เธอได้แต่งงานกับคาร์โล-มาเรีย โบนาปาร์ต หรือ ภาษาอิตาลีอ่านว่า บูโอนาปาร์เต (Carlo-Maria Buonaparte) ซึ่งเป็นนักศึกษากฎหมายหนุ่มหล่อวัย 18 ปี ตระกูลบูโอนาปาร์ตก็เป็นชนชั้นสูงในคอร์ซิกาเช่นกัน แต่มีฐานะไม่ร่ำรวยมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์โลเองมีนิสัยใช้จ่ายเงินเกินตัวตลอดชีวิต ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินอยู่เสมอ

ในระหว่างการสมรส เลติเซียให้กำเนิดบุตรถึง 13 คน แต่มีเพียง 8 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยบุตรชาย 5 คน ได้แก่ โฌเซฟ, นโปเลียน, ลูเซียง, หลุยส์ และเฌโรม และบุตรสาวอีก 3 คน ได้แก่ เอลิซา, โปลีน และการอลีน ความสามารถในการจัดการครอบครัวใหญ่ท่ามกลางความยากลำบากทางการเงินจึงเป็นบทพิสูจน์ถึงความเข้มแข็งของเธอในช่วงที่ต้องดูแลลูกๆ 

สไตล์การเลี้ยงดูที่เข้มงวด รากฐานแห่งระเบียบวินัยของนโปเลียน

เลติเซียเป็นมารดาที่เคร่งครัดและมีวินัยอย่างยิ่ง ซึ่งแตกต่างจากสามีและแม่สามีที่มักจะตามใจเด็กๆ ในบันทึกความทรงจำของเธอเอง เธอระบุว่า "ฉันอุทิศตนเพื่อหน้าที่ของมารดาอย่างเต็มที่... ฉันเข้มงวดหรือตามใจเท่าที่จำเป็น"  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นภายใต้ความเคร่งครัดของเธอ

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

บุคลิกของเธอมีอิทธิพลอย่างมากต่อบุตรชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนโปเลียนซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นเด็กที่ค่อนข้างซุกซนในวัยเด็ก นโปเลียนเองก็ยอมรับในภายหลังว่า "โชคชะตาในอนาคตของเด็กมักจะเป็นผลงานของมารดาเสมอ" และยกย่องเธอว่าเป็น "สตรีที่ยอดเยี่ยมและเป็นมารดาที่ไม่มีใครเทียบได้" การที่นโปเลียนเป็นเด็กซุกซนแต่ถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดและมีวินัยอย่างเคร่งครัดจากมารดา สะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ทางเจตจำนงที่เข้มข้นภายในบ้าน ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการควบคุมแบบเผด็จการ แต่เป็นการบ่มเพาะทักษะการต่อรองและเจตจำนงที่แข็งแกร่งให้กับนโปเลียน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับผู้นำทางทหารและนักการเมือง การฝึกฝนนี้เป็นรากฐานของ "พลังงาน ความมุ่งมั่น และความมีระเบียบ" ที่นโปเลียนได้สืบทอดมาจากเธอ

บททดสอบแห่งความมัธยัสถ์ การเป็นม่ายและการลี้ภัย

ในเดือนกุมภาพันธ์ 1785 คาร์โล บูโอนาปาร์เต เสียชีวิตด้วยอาการปวดท้องขณะอายุเพียง 39 ปี ทำให้เลติเซียต้องเป็นม่ายตั้งแต่อายุ 34 ปี โดยมีบุตรที่ยังเล็กถึง 5 คนที่ต้องดูแล เธอต้องเผชิญกับหนี้สินที่สามีทิ้งไว้และจำเป็นต้องดูแลครอบครัวเพียงลำพัง

ในช่วงเวลานี้เองที่เธอเรียนรู้ที่จะเป็นคนมัธยัสถ์และประหยัดอดออมอย่างยิ่งยวด คุณสมบัตินี้เป็นผลมาจากการเอาชีวิตรอดในสภาพที่ยากลำบาก และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่โดดเด่นของเธอไปตลอดชีวิต

"มาดามแมร์" อิทธิพลเบื้องหลังบัลลังก์

เมื่อนโปเลียนขึ้นเป็นกงสุลใหญ่ในปี 1799 ครอบครัวโบนาปาร์ตก็ได้รับความสะดวกสบายทางวัตถุอย่างมาก และเมื่อเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิในปี 1804 เลติเซียก็ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการว่า "Son Altesse Impériale, Madame La Mère de L'Empereur" หรือ "มาดามแมร์" พร้อมกับเงินบำนาญประจำปีและคฤหาสน์ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา แม้จะมีสถานะสูงส่ง เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบที่ Château de Pont-sur-Seine ที่นโปเลียนซื้อให้ โดยใช้เวลาไปกับการทำสมาธิ งานฝีมือ อ่านหนังสือ และเล่นไพ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสถานะภายนอกกับจิตวิญญาณภายในของเธอ

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

ความขัดแย้งกับโฌเซฟีนและการไม่เข้าร่วมพิธีราชาภิเษก

เลติเซียไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของนโปเลียนกับโฌเซฟีน เดอ โบอาร์แนส์ (Josephine de Beauharnais)เธอมองว่าโฌเซฟีนมี "รสนิยมที่ฟุ่มเฟือย และเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยที่ไม่แน่นอน" และเรียกเธอว่า "หญิงสำส่อน"

ความไม่พอใจของเธอถึงจุดสูงสุดเมื่อเธอตัดสินใจคว่ำบาตรพิธีราชาภิเษกของนโปเลียนในปี 1804 สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งของนโปเลียนกับลูเซียง บุตรชายอีกคนของเธอในเรื่องการแต่งงาน ซึ่งเลติเซียได้เลือกยืนอยู่เคียงข้างลูเซียง การคว่ำบาตรครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการกระทำส่วนตัว แต่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความภักดีของเธอต่อ "ตระกูล" เหนือ "จักรวรรดิ" ที่นโปเลียนสร้างขึ้น สำหรับเธอแล้ว ความสามัคคีและความมั่นคงของครอบครัวโบนาปาร์ตมีความสำคัญเหนือกว่าอำนาจทางการเมืองใดๆ นอกกรอบนั้น อย่างไรก็ตาม นโปเลียนยังคงสั่งให้จิตรกรหลวง จาคส์-หลุยส์ ดาวิด (Jacques-Louis David) วาดภาพของเธอในภาพวาดพิธีราชาภิเษกอันโด่งดัง

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

ความรักของแม่ในช่วงเวลาที่ลูกตกต่ำ

เมื่อนโปเลียนต้องสละราชสมบัติครั้งแรกในปี 1814 เธอติดตามนโปเลียนไปลี้ภัยที่เกาะเอลบา และช่วยสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักและความห่วงใยในฐานะมารดา ในช่วงหนึ่งร้อยวัน (Hundred Days) เธอกลับมาที่ปารีสกับนโปเลียนอีกครั้ง และเมื่อนโปเลียนพ่ายแพ้ที่วอเตอร์ลู เธอก็ได้พบกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย

บั้นปลายชีวิตในกรุงโรม ความสันโดษและการรอคอย

หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิ เธอได้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในกรุงโรมกับโฌเซฟ เฟช (Joseph Fesch) น้องชายต่างบิดาของเธอผู้เป็นพระคาร์ดินัล เธอได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7

ในปี 1818 เธอได้เขียนจดหมายอุทธรณ์ถึงการประชุมใหญ่เอ็กซ์-ลา-ชาเปล (Congress of Aix-la-Chapelle) เพื่อขอให้ปล่อยตัวนโปเลียน โดยอ้างถึงอาการป่วยของเขา แต่จดหมายนั้นไม่ได้รับการตอบรับ เลติเซียกล่าวถึงชีวิตในช่วงนี้ว่า "ชีวิตของฉันสิ้นสุดลงพร้อมกับการล่มสลายของจักรพรรดิ" เธอใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ สันโดษ และห่างไกลจากความบันเทิงที่เคยชื่นชอบ

เมื่อนโปเลียนเสียชีวิตในปี 1821 เธอเสียใจอย่างยิ่งและใช้ชีวิตอย่างปลีกวิเวกยิ่งขึ้น ต่อมาเธอเสียชีวิตที่กรุงโรมในปี 1836 ด้วยวัย 85 ปี โดยทิ้งมรดกจำนวน 1,700,000 ฟรังก์ไว้ให้บุตรหลาน ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลสำหรับยุคนั้น ต่อมาร่างของเธอถูกนำกลับไปฝังที่อายาชโชในภายหลังตามคำสั่งของนโปเลียนที่ 3 

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

จะเห็นได้ว่ามาเรีย เลติเซีย ราโมลิโน ไม่ได้ทำหน้าที่ในฐานะ "มารดาของนโปเลียน" หากแต่เป็นผู้กำหนดทิศทางและเสถียรภาพของตระกูลโบนาปาร์ต บุคลิกที่เข้มงวดและมีวินัยของเธอเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมจิตใจของบุตรชายผู้จะกลายเป็นจักรพรรดิ ความมัธยัสถ์ของเธอไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการมองการณ์ไกลที่ช่วยให้ครอบครัวอยู่รอดจากการล่มสลายของจักรวรรดิ เธอคือตัวแทนของสตรีที่ภักดีต่อครอบครัวและยึดมั่นในคุณค่าดั้งเดิมของชาวคอร์ซิกา ท่ามกลางความฟุ้งเฟ้อและเกมอำนาจของราชสำนัก เธอเป็นทั้งผู้ให้กำเนิด ผู้หล่อหลอม และผู้พยุงตระกูล ผู้ซึ่งชีวิตของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า เบื้องหลังผู้นำที่ยิ่งใหญ่ มักจะมีสตรีผู้แข็งแกร่งเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญเสมอ

มาเรีย เลติเซีย แม่ของนโปเลียน สร้างสามัญชนสู่จักรพรรดิฝรั่งเศส

อ้างอิง

Quello / Napoleon / Ancestors / Gettysburg / Geriwalton / Shannonselin / World4 / Courses / Noma / Napoleon / Neumeister / Britannica / 

related