Smart City Expo 2025 เริ่มแล้ว! "ไชยชนก" เน้นคุณภาพชีวิต-ปลอดภัย

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568, กรุงเทพมหานคร – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน Thailand Smart City Expo 2025 ภายใต้แนวคิด Activating Smart Cities, Elevating Smart Living โดยการผนึกกำลังระหว่าง ดีป้า และ เอ็น.ซี.ซี. พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ
‘การขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะเพื่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย’

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เป็นประธานเปิดงาน Thailand Smart City Expo 2025 มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Activating Smart Cities, Elevating Smart Living:การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

โดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร เอ็น.ซี.ซี. และ นางสาวเรจินา ไช่ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สาขาไต้หวัน รวมไปถึงผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมในพิธีเปิดงานโดยพร้อมเพรียง ณ ฮอลล์ 3 และ 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

จากนั้น นายไชยชนก ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘การขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะเพื่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย’ โดยระบุว่า รัฐบาลประกาศนโยบายสำคัญในการเร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่ปลอดภัย โดย กระทรวงดีอี มุ่งมั่นผลักดันให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักของภาครัฐในการยกระดับ
การให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงประชาชนไทยอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และส่งเสริมการใช้ข้อมูลเปิด (Open Data) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

นายไชยชนก กล่าวต่อว่า การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่ได้เป็นเพียงภารกิจสำคัญของกระทรวง แต่เป็นภารกิจที่ทุกประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในโลกต้องขับเคลื่อน ซึ่ง กระทรวงดีอี มองว่า เมืองอัจฉริยะจะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้นการพัฒนาเมืองจึงต้องเป็นเมืองที่เข้าใจคน เมืองที่ใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้คนใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีโอกาส
ในการสร้างอาชีพและรายได้ ขณะเดียวกัน ประชาชนจะต้องได้รับการยกระดับองค์ความรู้และทักษะด้านดิจิทัลไปพร้อมกัน

จากนั้น นายไชยชนก ได้ให้เกียรติมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทยให้กับ ภูเก็ตทินิคอนวัลเลย์ จังหวัดภูเก็ต และประกาศนียบัตรแก่เขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะจำนวน 43 พื้นที่ รวมถึงรางวัล Smart City Solutions Awards 2025 แก่หน่วยงานที่มีผลงานโดดเด่นในการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน จำนวน 3 รางวัล ได้แก่

1. โครงการบริหารจัดการขยะเศษอาหารในพื้นที่ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ โดย เทศบาลเมือง
   แม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2. ระบบขออนุญาตก่อสร้างและควบคุมอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Permit) “สะดวก โปร่งใส ถูกใจคนเมือง” โดยเทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน ร่วมกับ บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด
3. ระบบดูแลและคัดกรองนักเรียน (App.CARE) โดยเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลดัชนีเมืองอัจฉริยะและเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย

• รางวัลพัฒนาขีดความสามารถเมืองอัจฉริยะ

เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

• รางวัลยกระดับความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ

อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ โดย เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า ดีป้า โดย สำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย มีภารกิจในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งช่วยผลักดันให้เกิดเมืองอัจฉริยะแล้ว 37 พื้นที่ใน 25 จังหวัด
ทั่วประเทศ เกิดเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ 173 พื้นที่ โดยมีการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะมูลค่ารวมกว่า 11,900 ล้านบาท อีกทั้งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยรวมกว่า 9 ล้านคน โดย ดีป้า ตั้งเป้าว่า เมืองอัจฉริยะประเทศไทยจะเพิ่มสู่ 105 พื้นที่ภายในปี 2570

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ดีป้า มุ่งพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะมิติด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ Smart Living และ Smart Living Plus โดยการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเข้าใจและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ 45 ชุมชนทั่วประเทศผ่านการสนับสนุนแพลตฟอร์มคาร์บอนบันทึกกิจกรรมด้านการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ กล้องวงจรปิดพลังงานแสงอาทิตย์ ไฟส่องสว่างอัจฉริยะพลังงานแสงอาทิตย์ โดรนเพื่อการเกษตร และ IoT การเกษตรอัจฉริยะ และโครงการ 5G Ambulance โดยความร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินผ่านการติดตั้งเทคโนโลยีดิจิทัลบนรถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 40 คันของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 17 แห่งในพื้นที่ 11 จังหวัด นอกจากนี้ ดีป้า ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรฐานเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐาน และหากได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วจะสามารถขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล (Thailand Digital Catalog) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ ในราคาที่เป็นธรรม

Thailand Smart City Expo คือมหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ปีนี้มาพร้อมแนวคิด Activating Smart Cities, Elevating Smart Living โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ของเมืองอย่างแท้จริง ซึ่งงานในปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่ส่วนจัดแสดงกว่า 80% รองรับการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมกว่า 800 รายการจากหลากหลายประเทศ อีกทั้งมีเวทีเสวนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนํารวมกว่า 80 หัวข้อตลอด 3 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้มากกว่า 15,000 คน และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท

สำหรับงาน Thailand Smart City Expo 2025 จะจัดถึงวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thailandsmartcityexpo.com/ และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะประเทศไทยได้ที่เฟซบุ๊กเพจ Smart City Thailand Office และ depa Thailand