
นายรีวิน เพทายบรรลือ ชี้แจงต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ ว่าตนเองและบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมออนไลน์ ยอมรับว่าเคยให้คำปรึกษาในการจัดตั้งธนาคาร บีไอซี ในกัมพูชา แต่ได้ยุติบทบาททั้งหมดไปแล้วหลังธนาคารได้รับใบอนุญาต
นายรีวิน เพทายบรรลือ ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.)
โดยมีเนื้อหา ระบุว่า ตามที่ กมธ. ได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการ บริษัท ไพร์มสตรีท แคปปิตอล จำกัด (Primestreet Capital) และข้าพเจ้า ขอให้เข้าร่วมประชุมกับ กมธ. เพื่อให้ข้อมูลเพื่อประกอบการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างบุคคลหรือบริษัทที่อยู่ในประเทศไทยที่ปรากฏตามข่าวเกี่ยวกับปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ในวันนี้ (5 พ.ย.2568) นั้น
ข้าพเจ้าทั้งในฐานะส่วนตัวและกรรมการ Primestreet Capital ขอเรียนให้ทราบว่าในวันเวลาดังกล่าว ข้าพเจ้าติดภารกิจสำคัญต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นการนัดหมายล่วงหน้าและไม่สามารถเลื่อนกำหนดการได้ จึงไม่สามารถเข้าพบ กมธ. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเองได้ จึงประสงค์จะชี้แจงเป็นหนังสือ ดังนี้
1. ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้า และ Primestreet Capital รวมถึงบริษัทอื่นๆ ในเครือ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนต่อการกระทำใดๆ ที่เป็นอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์/สแกมเมอร์ หรือการกระทำความผิดอาญาใดๆ ทั้งสิ้น
2. นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ บริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ใช่ Primestreet Capital ตามที่ท่านเข้าใจ โดยบริษัทฯ ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการในการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ด้านการเงิน และด้านการลงทุนให้แก่ หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชนในไทยและต่างประเทศ
3. ในช่วงปี 2559 นักลงทุน ซึ่งนำโดยกลุ่มธนาคาร บีไอซี จากประเทศลาว ได้ริเริ่มก่อตั้งธนาคาร บีไอซี กัมพูชา โดยบริษัทฯ และข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วม เนื่องจากในขณะนั้น เป็นช่วงเวลาที่ธีมการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ยังได้รับความสนใจอย่างสูงจากนักลงทุน จากการเป็นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยประเทศกัมพูชาสามารถดึงดูดบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของไทยจำนวนมากเข้าไปจัดตั้งธุรกิจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศกัมพูชาในขณะนั้น
4. ต่อมา หลังจากธนาคาร บีไอซี ได้รับใบอนุญาตแล้ว บริษัทฯ และข้าพเจ้า ก็ได้ยุติบทบาทในทุกสถานะ ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการใดๆ ของ ธนาคาร บีไอซี แต่อย่างใด
5. บริษัทฯ และข้าพเจ้าได้สิ้นสุดความเกี่ยวข้องกับธนาคาร บีไอซี ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเริ่มเกิดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์/สแกมเมอร์ ในประเทศกัมพูชา เป็นเวลาหลายปี
6. บริษัทฯ และข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนต่อการกระทำใดๆ ที่เป็นอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์/สแกมเมอร์ หรือการกระทำความผิดอาญา
บริษัทฯ และข้าพเจ้าตระหนักถึงความเดือดร้อนของสังคมจากอาชญากรรมอันร้ายแรงในลักษณะนี้ และพร้อมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์เพื่อความถูกต้องและประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ขอความกรุณาจากท่านให้พิจารณาถึงช่วงเวลาและผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วย จักกราบขอบพระคุณอย่างสูง