svasdssvasds

กฎหมาย "ห้ามขายเหล้า" ช่วงบ่ายไม่ได้ผล ยิ่งผลักดันคนไปซื้อนอกระบบ?

กฎหมาย "ห้ามขายเหล้า" ช่วงบ่ายไม่ได้ผล ยิ่งผลักดันคนไปซื้อนอกระบบ?

สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนข้อกำหนด ห้ามขายเหล้า และห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00–17.00 น. หลังรายงาน TDRI ชี้ กฎหมาย 50 ปีที่ล้มเหลว ยิ่งผลักดันไปนอกระบบ

คุณเชื่อไหมว่า กฎหมายที่ ห้ามขาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงบ่าย (14.00 – 17.00 น.) ซึ่งมีมานานกว่า 50 ปีนั้น ไม่ได้ทำให้คนดื่มลดลง แถมยังถูกละเมิดอย่างโจ่งแจ้ง?

นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นข้อสรุปจากงานวิจัยของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่สำรวจผู้บริโภคและผู้ประกอบการจำนวนมาก ข้อมูลชี้ชัดว่า การจำกัดเวลาขายไม่ได้บรรลุเป้าหมายด้านสาธารณสุข แถมยังสร้างโอกาสให้มีการซื้อขายนอกระบบ ซึ่งภาครัฐสูญเสียรายได้ และร้านค้าที่ทำตามกฎหมายก็เสียโอกาสทางธุรกิจไปอีก

ล่าสุด พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ไม่ได้แค่คงข้อห้ามนี้ไว้ แต่ยัง "ห้ามบริโภค" ในสถานที่ขายช่วงเวลาดังกล่าวด้วย สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนข้อกำหนดดังกล่าว เพราะอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

เมื่อกฎหมาย "สวนทาง" ข้อเท็จจริง

ข้อมูลหลักจากรายงาน TDRI พบว่าปริมาณการบริโภคไม่ได้ลดลงเลย ในทางตรงกันข้ามพบการละเมิดกฎหมายสูง ผู้บริโภค 22% ยืนยันว่ายังสามารถซื้อเครื่องดื่มในช่วงเวลาห้ามขายได้ และผู้ประกอบการ 39% รายงานว่าพบเห็นการจำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าวในบริเวณใกล้เคียง ขณะที่การดื่มหนักยังคงเดิม ปริมาณการบริโภคต่อผู้ดื่มเฉลี่ยอยู่ที่ 26 ลิตรต่อปี ซึ่ง TDRI ระบุว่าอยู่ในระดับ “สูงมากผิดปกติ” (เทียบเท่า 5.4 แก้วมาตรฐานต่อวัน) ข้อมูลนี้ตอกย้ำว่า กฎหมายนี้เป็นเพียง "การผลักดันการซื้อขายไปสู่ช่องทางนอกระบบ"เท่านั้น

ดร. ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์

เสียงจากภาคธุรกิจ โอกาสและมูลค่าที่หายไป

อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และธุรกิจต่อเนื่อง (ร้านอาหาร, โรงแรม, ท่องเที่ยว) เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเกือบ 6 แสนล้านบาทต่อปี และเชื่อมโยงกับสถานประกอบการกว่า 312,000 แห่ง ทั่วประเทศ

ดร. ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมค้าปลีกไทย (TRA) ให้มุมมองว่า ในเมื่อ TDRI ชี้ว่ามีการละเมิดสูงอยู่แล้ว การปลดล็อกข้อจำกัดช่วงบ่ายจะช่วยดึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้ กลับเข้าสู่ระบบ ซึ่งหมายถึงการเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น และสร้างความเป็นธรรมให้กับร้านค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย

ขณะที่ภาคท่องเที่ยวก็สะท้อนปัญหาอย่างชัดเจน นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยว เมืองพัทยา ชี้ว่า กฎระเบียบนี้ "ล้าสมัย" และสวนทางกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การผ่อนคลายกฎหมายนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล เหมือนกับที่นโยบายขยายเวลาปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถ เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการถึง 20-30%

ดำรงค์เกียรติ พินิจการ
 

TDRI แนะเน้นแก้ปัญหา 'เมาแล้วขับ' และ 'การขายให้เยาวชน'

รายงานของ TDRI ไม่เพียงชี้ว่าการห้ามขาย 14.00-17.00 น. ไม่ได้ผล แต่ยังชี้เป้าว่าปัญหาที่แท้จริงที่สังคมกำลังเผชิญและภาครัฐควรทุ่มทรัพยากรไปจัดการ 

  • การแอบขายให้เยาวชน : TDRI พบว่า 30% ของร้านค้ายังคงละเมิดกฎหมายขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี
  • เมาแล้วขับคือเรื่องจริงที่ต้องจัดการ : จากสถิติพบว่าอุบัติเหตุ 22% เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ TDRI จึงเสนอให้ยกระดับมาตรการป้องกัน เช่น การใช้ระบบหักคะแนนแบบขั้นบันได
  • เยาวชนไม่ใช่เป้าของโฆษณา : TDRI พบว่าเยาวชนได้รับอิทธิพลจาก “เพื่อน” มากถึง 35.5% เทียบกับอิทธิพลจาก “โฆษณาออนไลน์” ที่มีเพียง 1.8% เท่านั้น

ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อังกฤษ หรือเยอรมนี ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดเวลาขายในช่วงบ่าย แต่พวกเขาจัดการผลกระทบทางสังคมได้ดีกว่า เพราะมุ่งเน้นมาตรการที่ "ตรงจุด" และมีประสิทธิภาพ รัฐบาลมีทางเลือกที่ชัดเจนในการบริหารนโยบาย

TABBA เรียกร้องให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชุดใหม่ ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จาก TDRI และทบทวนการห้ามขายและห้ามบริโภคในช่วง 14.00–17.00 น. เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจำเป็นต้องใช้กฎระเบียบที่ทันสมัยและอิงตามข้อมูลจริง

related