
SHORT CUT
ระบบระบายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ ระบบระบายน้ำคือเครือข่ายของท่อ ช่องทาง และโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและเปลี่ยนทิศทางน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่
วิกฤตน้ำท่วม 2568 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ได้มีการหยิบยก "ระบบระบายน้ำแบบก้างปลา" (Fishbone Drainage System) ขึ้นมาเป็นความหวังในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของวิกฤตที่พื้นที่กว่า 2.39 ล้านไร่ทั่วประเทศถูกน้ำท่วมในปี 2568 เทคโนโลยีวิศวกรรมนี้ กลับเผยให้เห็นถึงข้อจำกัด
ทั้งนี้ระบบระบายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ ระบบระบายน้ำคือเครือข่ายของท่อ ช่องทาง และโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและเปลี่ยนทิศทางน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่
ระบบระบายน้ำแบบก้างปลาได้ชื่อมาจากลักษณะการจัดเรียงท่อที่คล้ายโครงกระดูกปลา
จุดเด่น: ออกแบบมาเพื่อจัดการกับน้ำใต้ดินและน้ำฝนใน พื้นที่จำกัด สามารถลดน้ำท่วมขังได้ถึง 90% ในสภาวะที่เหมาะสม ในไทย ระบบนี้จึงถูกนำไปใช้ในสนามกีฬา, โครงการภูมิทัศน์, และพื้นที่เกษตรขนาดเล็ก โดยสามารถลดระดับน้ำใต้ดินได้ถึง 5-6 เมตร
สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2568 ที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างขวางถึง 160,000 ตารางกิโลเมตร ได้เปิดเผยข้อจำกัดของระบบก้างปลาอย่างชัดเจน
ระบบก้างปลาถูกออกแบบมาเพื่อจัดการในพื้นที่จำกัด แต่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ที่ระบบนี้สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 20,000 เท่า
แม่น้ำเจ้าพระยาต้องระบายน้ำด้วยอัตราสูงถึง 2,900-3,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที การขยายระบบก้างปลาให้ครอบคลุมพื้นที่ระดับนี้จะต้องใช้งบประมาณ หลักหมื่นล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนเกินความเป็นจริง
ประเทศไทยเผชิญกับพายุโซนร้อนถึง 7 ลูกในปี 2568 ประกอบกับอิทธิพลของลานีญา ทำให้ปริมาณฝนเกินขีดจำกัดการรับมือของระบบระบายน้ำทุกประเภท แม้แต่ระบบที่ทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ก็รับมือฝนได้เพียง 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น
ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ การทรุดตัวของดิน หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเท่ากับหรือต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแล้ว ซึ่งส่งผลให้:
ระบบระบายน้ำแบบก้างปลาเป็น เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด เช่น โครงการเฉพาะ , การจัดการน้ำระดับพื้นที่ , พื้นที่เกษตรหรือภูมิทัศน์ขนาดเล็ก
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบางอำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ ยืดเยื้อติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับภาวะ น้ำท่วมลึก ท่วมนาน และท่วมถี่ จนเกิดคำถามถึง "รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ"
จากน้ำที่เคยหลากมาเป็นระลอกแล้วเอ่อท้นล้นขอบแม่น้ำ (natural levee) คันดินธรรมชาติหรือสันดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนและโคลนตมที่แม่น้ำพัดพามาในระหว่างน้ำหลาก แล้วค่อย ๆ หลากเข้าทุ่ง ระดับน้ำปรับสภาพให้ไหลข้ามบ้านเรือนที่สร้างอยู่บนทำนบธรรมชาติ ไม่ท่วมสูง ไม่แช่ขังเนิ่นนาน
การสร้างทำนบคอนกรีต พนังกั้นน้ำ หรือเขื่อนที่มีรูปร่างเป็นกำแพงยาว ๆ เพื่อควบคุมให้น้ำอยู่ในร่องน้ำหรือเส้นทางธรรมชาติที่น้ำไหล (river channel) ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำภายในแนวกำแพงติดต่อกันเป็นเวลานานและมีน้ำท่วมสูงผิดปกติ
การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบัน ที่ใช้ทำนบกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าทุ่ง หรือการระบายน้ำทางดิ่ง ซึ่งใช้ในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ชัยนาทลงมาถึงพระนครศรีอยุธยา แตกต่างจากวิถีเดิม
ที่มา : Sarakadee Magazine