svasdssvasds

เทียบ 'ระบายน้ำแบบก้างปลา VS ระบายน้ำแนวดิ่ง' ต่างกันอย่างไร

เทียบ 'ระบายน้ำแบบก้างปลา VS ระบายน้ำแนวดิ่ง' ต่างกันอย่างไร

ระบบระบายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ ระบบระบายน้ำคือเครือข่ายของท่อ ช่องทาง และโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและเปลี่ยนทิศทางน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่

SHORT CUT

  • ระบบระบายน้ำแบบก้างปลา เหมาะสำหรับจัดการน้ำในพื้นที่จำกัด เช่น สนามกีฬา หรือพื้นที่เกษตรขนาดเล็ก ส่วนการระบายน้ำแนวดิ่ง (ตามบทความ) คือการจัดการน้ำในแม่น้ำสายหลักขนาดใหญ่โดยใช้พนังกั้นน้ำ
  • หลักการทำงานของระบบก้างปลาคือใช้เครือข่ายท่อใต้ดินเพื่อรวบรวมน้ำออกจากพื้นที่ ขณะที่การระบายน้ำแนวดิ่งใช้กำแพงหรือพนังกั้นน้ำเพื่อควบคุมให้น้ำไหลอยู่ในร่องน้ำหลัก ป้องกันไม่ให้ไหลบ่าเข้าทุ่ง
  • ระบบก้างปลามีประสิทธิภาพสูงในพื้นที่เป้าหมาย แต่ไม่สามารถรับมือกับอุทกภัยขนาดใหญ่ได้ ส่วนการสร้างพนังกั้นน้ำแบบแนวดิ่งส่งผลให้บ้านเรือนริมน้ำที่อยู่ภายในแนวกำแพงเกิดน้ำท่วมสูงและขังเป็นเวลานาน

ระบบระบายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ ระบบระบายน้ำคือเครือข่ายของท่อ ช่องทาง และโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและเปลี่ยนทิศทางน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่

วิกฤตน้ำท่วม 2568 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ได้มีการหยิบยก "ระบบระบายน้ำแบบก้างปลา" (Fishbone Drainage System) ขึ้นมาเป็นความหวังในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของวิกฤตที่พื้นที่กว่า 2.39 ล้านไร่ทั่วประเทศถูกน้ำท่วมในปี 2568 เทคโนโลยีวิศวกรรมนี้ กลับเผยให้เห็นถึงข้อจำกัด

ทั้งนี้ระบบระบายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำ ระบบระบายน้ำคือเครือข่ายของท่อ ช่องทาง และโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและเปลี่ยนทิศทางน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่

ระบบระบายน้ำแบบ "ก้างปลา" คืออะไร?

ระบบระบายน้ำแบบก้างปลาได้ชื่อมาจากลักษณะการจัดเรียงท่อที่คล้ายโครงกระดูกปลา

  • "กระดูกสันหลัง" คือ ท่อหลัก ที่ทำหน้าที่รวบรวมน้ำ
  • "ซี่โครง": คือ ท่อสาขา ที่แยกออกจากท่อหลักในมุมฉากเพื่อดักจับและรวบรวมน้ำจากทุกทิศทาง

จุดเด่น: ออกแบบมาเพื่อจัดการกับน้ำใต้ดินและน้ำฝนใน พื้นที่จำกัด สามารถลดน้ำท่วมขังได้ถึง 90% ในสภาวะที่เหมาะสม ในไทย ระบบนี้จึงถูกนำไปใช้ในสนามกีฬา, โครงการภูมิทัศน์, และพื้นที่เกษตรขนาดเล็ก โดยสามารถลดระดับน้ำใต้ดินได้ถึง 5-6 เมตร

 

 

เมื่อเผชิญวิกฤตใหญ่ "ก้างปลา" กลายเป็นเพียง "หยดน้ำในทะเลกว้าง"

สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2568 ที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างขวางถึง 160,000 ตารางกิโลเมตร ได้เปิดเผยข้อจำกัดของระบบก้างปลาอย่างชัดเจน

1. ปัญหาด้านขนาด (Scale)

ระบบก้างปลาถูกออกแบบมาเพื่อจัดการในพื้นที่จำกัด แต่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ที่ระบบนี้สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 20,000 เท่า

แม่น้ำเจ้าพระยาต้องระบายน้ำด้วยอัตราสูงถึง 2,900-3,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที การขยายระบบก้างปลาให้ครอบคลุมพื้นที่ระดับนี้จะต้องใช้งบประมาณ หลักหมื่นล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนเกินความเป็นจริง

2. ข้อจำกัดทางธรณีวิทยาและภูมิอากาศ

ประเทศไทยเผชิญกับพายุโซนร้อนถึง 7 ลูกในปี 2568 ประกอบกับอิทธิพลของลานีญา ทำให้ปริมาณฝนเกินขีดจำกัดการรับมือของระบบระบายน้ำทุกประเภท แม้แต่ระบบที่ทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ก็รับมือฝนได้เพียง 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น

ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ การทรุดตัวของดิน หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเท่ากับหรือต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแล้ว ซึ่งส่งผลให้:

  • ระบบที่อาศัยแรงโน้มถ่วงทำงานไม่ได้ น้ำไหลจากที่สูงไปที่ต่ำไม่ได้ เมื่อพื้นที่ที่ต้องการระบายน้ำออกอยู่สูงกว่าพื้นที่ที่กำลังท่วมขัง
  • ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น 3-10 มิลลิเมตรต่อปี ยิ่งทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ต่ำเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก

ระบบระบายน้ำแบบก้างปลาเป็น เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด เช่น โครงการเฉพาะ , การจัดการน้ำระดับพื้นที่ , พื้นที่เกษตรหรือภูมิทัศน์ขนาดเล็ก

การระบายน้ำทางดิ่ง คืออะไร

สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบางอำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ ยืดเยื้อติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับภาวะ น้ำท่วมลึก ท่วมนาน และท่วมถี่ จนเกิดคำถามถึง "รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ"

จากน้ำที่เคยหลากมาเป็นระลอกแล้วเอ่อท้นล้นขอบแม่น้ำ (natural levee) คันดินธรรมชาติหรือสันดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนและโคลนตมที่แม่น้ำพัดพามาในระหว่างน้ำหลาก แล้วค่อย ๆ หลากเข้าทุ่ง ระดับน้ำปรับสภาพให้ไหลข้ามบ้านเรือนที่สร้างอยู่บนทำนบธรรมชาติ ไม่ท่วมสูง ไม่แช่ขังเนิ่นนาน

การสร้างทำนบคอนกรีต พนังกั้นน้ำ หรือเขื่อนที่มีรูปร่างเป็นกำแพงยาว ๆ เพื่อควบคุมให้น้ำอยู่ในร่องน้ำหรือเส้นทางธรรมชาติที่น้ำไหล (river channel) ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำภายในแนวกำแพงติดต่อกันเป็นเวลานานและมีน้ำท่วมสูงผิดปกติ

การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบัน ที่ใช้ทำนบกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าทุ่ง หรือการระบายน้ำทางดิ่ง ซึ่งใช้ในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ชัยนาทลงมาถึงพระนครศรีอยุธยา แตกต่างจากวิถีเดิม

  1. ในอดีต น้ำจะหลากเป็นระลอก แล้วค่อยๆ เอ่อล้นขอบแม่น้ำ (สันดินธรรมชาติ หรือ natural levee) เข้าสู่ทุ่งอย่างช้าๆ ทำให้ระดับน้ำไม่ท่วมสูงมาก และไม่แช่ขังเป็นเวลานานเกินไป
  2. ในปัจจุบัน การสร้าง พนังกั้นน้ำ หรือ กำแพงคอนกรีต ที่ขวางทางน้ำไหลตามธรรมชาติ (river channel) เพื่อควบคุมน้ำให้อยู่ในร่องน้ำหลัก ทำให้เกิดผลกระทบคือ
  • น้ำท่วมขังบ้านเรือนที่อยู่ภายในแนวกำแพงริมน้ำเป็น เวลานานต่อเนื่อง
  • ระดับน้ำที่ท่วม สูงผิดปกติ

ที่มา : Sarakadee Magazine

related