svasdssvasds

ฝนตกฤดูหนาว! ‘ลานีญา’ ยังไม่ลาไทย กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

ฝนตกฤดูหนาว! ‘ลานีญา’ ยังไม่ลาไทย กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

ทั่วฟ้าเมืองไทยตอนนี้ฝนตกฉ่ำๆ น้ำท่วมบางพื้นที่ เขื่อนใหญ่ปริมาณน้ำมากน่าห่วง ทั้งหมดคือ ผลกระทบลานีญา ที่ยังไม่ลาไทย ทั้งๆที่ฤดูหนาวแล้ว กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

SHORT CUT

  • ช่วงผ่านมา หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะกทม. และปริมณฑล ยังมีฝนตกลงมาแบบฉ่ำ และหลายพื้นที่เริ่มมีน้ำล้นตลิ่งแล้ว
  • น่าเป็นห่วงสุดคือ เขื่อนขนาดใหญ่ สำคัญๆของประเทศไทยน้ำเริ่มมีปริมาณที่มากใกล้จะเต็มความจุอ่าง 100% นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ที่ฤดูหนาวแต่มีปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติ
  • นักวิชาการ ชี้ ฝนตกฤดูหนาว! ‘ลานีญา’ ยังไม่ลาไทย กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร แล้วจะรับมือกันยังไงดี

ทั่วฟ้าเมืองไทยตอนนี้ฝนตกฉ่ำๆ น้ำท่วมบางพื้นที่ เขื่อนใหญ่ปริมาณน้ำมากน่าห่วง ทั้งหมดคือ ผลกระทบลานีญา ที่ยังไม่ลาไทย ทั้งๆที่ฤดูหนาวแล้ว กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

ช่วงที่ผ่านมา และวันนี้ 10 พฤศจิกายน 2568 หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะ กทม. และปริมณฑล ยังมีฝนตกลงมาแบบฉ่ำ และหลายพื้นที่เริ่มมีน้ำล้นตลิ่งแล้ว และที่น่าเป็นห่วงสุดคือ เขื่อนขนาดใหญ่ สำคัญๆของประเทศไทยน้ำเริ่มมีปริมาณที่มากใกล้จะเต็มความจุอ่าง100% นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ที่ฤดูหนาวแต่มีปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติ ซึ่งนักวิชาการหลายท่านก็ออกมาบอกแล้วว่า นี่คือ ปรากฏการณ์‘ลานีญา’ ที่ยังไม่ลาไทยไปสักที

โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ชี้แจงสาเหตุว่า ลานีญา เริ่มส่งผลทำให้ปีนี้มีฝนมากกว่าปกติของฤดูหนาวทั่วไป อาจมีพายุเข้าบ้าง แต่ช่วงใกล้ปีใหม่น่าจะดีขึ้น โดยฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงนี้เป็นผลโดยตรงจากอิทธิพลลานีญา ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นช่วงๆไปจนถึงปลายปี2568 ก่อนที่สภาพอากาศจะเริ่มกลับสู่ความแห้งเย็นตามฤดูกาลในช่วงใกล้ปีใหม่ปี2569

ฝนตกฤดูหนาว! ‘ลานีญา’ ยังไม่ลาไทย กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

ด้าน กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เผยข้อมูลว่า ประเทศไทยก็ต้องเผชิญกับความผันผวนของภูมิอากาศที่ส่งผลต่อทั้งปริมาณฝน พื้นที่เกษตรกรรม ไปจนถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจาก “การเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา” ที่กำลังก่อตัวและเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยสิ่งที่น่าสังเกตคือ ปรากฏการณ์ภูมิอากาศทางธรรมชาติเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นร่วมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งกำลังทำให้โลกร้อนขึ้นและเกิดสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ตามข้อมูลจาก WMO เดือนมกราคม 2025 ระบุว่า เป็นเดือนมกราคมที่อุ่นที่สุดในบันทึกสถิติ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงปรากฏการณ์ลานีญาที่อากาศควรจะต้องเย็นลง

สำหรับโอกาสที่จะเกิดลานีญาปลายปี2568 มีประมาณสองเท่าของเอลนีโญ แต่สภาวะเป็นกลางยังคงมีความน่าจะเป็นสูงสุดจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว  ซึ่งความความแปรปรวนของปริมาณน้ำฝนในประเทศไทยได้รับอิทธิพลหลักจากกระบวนการเชื่อมโยงระหว่างมหาสมุทรและบรรยากาศ เช่น ENSO และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำทะเลมหาสมุทรอินเดีย หรือ IOD เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบสำคัญต่อเกษตรกรรมและการจัดการน้ำในประเทศ (6) ในช่วงที่เกิดลานีญา มักจะทำให้ปริมาณน้ำฝนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ฝนตกฤดูหนาว! ‘ลานีญา’ ยังไม่ลาไทย กระทบธุรกิจ-ห่วงโซ่อาหาร-การเกษตร

แน่นอนว่า ลานีญา จะทำให้ฝนมาก และผลผลิตผันผวน ที่สำคัญราคาสินค้าอาหารไม่แน่นอน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ได้สรุปผลกระทบลานีญา ดังนี้

  • ผลกระทบทางการเกษตร

-ฝนตกชุก น้ำท่วม ทำให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และผลไม้เสียหายได้ง่าย

-โรคและแมลงระบาดเพิ่ม เพราะความชื้นสูง เช่น โรคเชื้อราในข้าวและพืชผัก

-ปศุสัตว์และประมง เสี่ยงโรคในสัตว์น้ำ น้ำกร่อย และแหล่งเลี้ยงเสียหาย

-ต้นทุนเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากการป้องกันโรคและจัดการความเสียหาย

  • ผลกระทบธุรกิจอาหาร และห่วงโซ่อาหาร

-ปริมาณผลผลิตไม่แน่นอน ราคาวัตถุดิบผันผวน เช่น ข้าว น้ำมันปาล์ม น้ำตาล

-ต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้น หากเส้นทางขนส่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

-ผู้ประกอบการแปรรูปอาหารต้องบริหารสต็อกดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดวัตถุดิบขาดช่วงหรือราคาพุ่ง

-อุตสาหกรรมส่งออก เช่น ข้าวและผลไม้ เสี่ยงต่อปัญหาคุณภาพและปริมาณไม่เพียงพอต่อคำสั่งซื้อ

  • แนวทางรับมือลานีญา ภาครัฐและเกษตรกร

-ติดตามพยากรณ์อากาศจาก กรมอุตุนิยมวิทยา / FAO / NOAA อย่างใกล้ชิด

-วางแผน ปลูกพืชตามฤดูกาลและสภาพน้ำฝนจริง หลีกเลี่ยงพืชอ่อนไหวต่อน้ำท่วม

-ลงทุนใน ระบบระบายน้ำและกักเก็บน้ำ รวมถึงการใช้ เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)

-กระจายแหล่งจัดซื้อวัตถุดิบ และ สร้างซัพพลายเชนสำรอง

-ใช้ ข้อมูลสภาพอากาศและ AI พยากรณ์ผลผลิต เพื่อวางแผนสต็อกล่วงหน้า

-เร่งพัฒนา ผลิตภัณฑ์ทดแทน (alternative ingredients) และ ระบบจัดการความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์

ดังนั้นการรับมือที่ดีอาจต้องรับมือด้วย “ข้อมูล เทคโนโลยี และการวางแผนเชิงรุก” ก็จะลดผลกระทบและพลิกเป็นโอกาสได้เช่นกัน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

related