
SHORT CUT
กต.เผย สหรัฐแจ้งระงับเจรจาภาษีกับไทย จนกว่าจะให้คำมั่นปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วม ดันเคลียร์ปมข้อพิพาทกัมพูชา
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประเด็นการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับฟังการสนทนาด้วย
ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรีอนุทินได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา โดยย้ำว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่เห็นชอบร่วมกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ซึ่งไทยมีความเสียใจที่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก่อน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องทุ่นระเบิดที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นชอบที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างตามแนวชายแดน และไม่ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่
นายกฯ อนุทินย้ำด้วยว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเอง สามารถยืนยันได้ว่ามีการลักลอบติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยที่ลาดตระเวนตามปกติได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียขา นอกจากนี้ฝ่ายไทยยังได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
อนุทินยืนยันว่า ไทยยังคงยึดมั่นในสันติภาพ แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องยอมรับข้อเท็จจริง และแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจะต้องเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายไทยได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดโดยไม่ขัดขวางการปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนของทั้งสองฝ่ายด้วย
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์รับฟังและยืนยันที่จะไปพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาในเรื่องนี้ พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเดินหน้าในกระบวนการสันติภาพได้ แต่ไม่ได้ประสงค์ที่จะแทรกแซงการแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากสำหรับไทย
ประเด็นต่อมาคือการเจรจาภาษีกับสหรัฐ ซึ่งไทยได้รับแจ้งจากรองผู้แทนการค้าสหรัฐว่าฝ่ายสหรัฐขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทย-สหรัฐเป็นการชั่วคราว และจะสามารถกลับมาเจรจาความตกลงดังกล่าวได้อีกครั้งเมื่อฝ่ายไทยให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วม และหวังว่าจะสามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้โดยเร็ว
ขณะที่ไทยแสดงความผิดหวังต่อท่าทีดังกล่าว เพราะยืนยันมาโดยตลอดว่าประเด็นเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นประเด็นทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องพิจารณาแยกออกจากประเด็นการค้า ซึ่งก็เป็นประเด็นทวิภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐเองก็ได้ย้ำกับนายกรัฐมนตรีในการหารือเมื่อคืนว่า ทางสหรัฐไม่ได้ประสงค์จะแทรกแซงการแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงย้ำว่า “ประเทศไทยจะยืนหยัดบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญพร้อมทั้งรักษาจุดยืนด้านความมั่นคงและอธิปไตยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไทยยังพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป“