
สรุปให้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ในเหตุการณ์ "ล้างบางคุก VIP": เบื้องหลังคำสั่งย้ายด่วน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เซ่นปมเอื้อประโยชน์ "ทุนจีนสีเทา"
ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นล่าสุดได้เปิดโปง "โลกอีกใบ" ภายในรั้วกำแพงเรือนจำ—โลกที่เงินตราและอิทธิพลของกลุ่ม "จีนเทา" สามารถเนรมิตความสะดวกสบายระดับ VIP ได้ แม้จะอยู่ในสถานะผู้ต้องขังก็ตาม
เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนกรมราชทัณฑ์จนนำไปสู่การลงนามคำสั่งย้าย นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีกกว่า 14 นาย เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กำลังกัดกร่อนศรัทธาของสังคมไทย
แหล่งข่าวระบุว่า การจู่โจมครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน แต่เป็นผลพวงจากความพยายามหลายครั้งที่ล้มเหลวในอดีต เนื่องจากมี "เกลือเป็นหนอน" ข้อมูลการตรวจค้นมักรั่วไหลไปถึงหูผู้มีอิทธิพลภายในแดนขังก่อนที่ชุดปฏิบัติการจะไปถึง ทำให้หลักฐานถูกซุกซ่อนหรือทำลายได้ทันท่วงที
ทว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ "นักโทษชาวไทย" ทนไม่ไหวกับความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน จึงได้ส่งเบาะแสและเรื่องร้องเรียนตรงไปยังกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม นำมาสู่การจัดตั้งชุดเฉพาะกิจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่เข้าจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ จนสามารถเปิดโปงขบวนการนี้ได้ในที่สุด
จากการตรวจค้นใน 3 แดนขัง ซึ่งเป็นพื้นที่คุมขังนักโทษกลุ่มทุนจีนสีเทา เจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่น่าตกตะลึง สิ่งของต้องห้ามและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ "เกินความจำเป็น" ถูกพบเกลื่อนกลาด ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ไมโครเวฟ กาน้ำร้อน และเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่
วิธีการนำเข้าสิ่งของเหล่านี้สะท้อนถึงช่องโหว่ของระเบียบราชการ โดยมีการอ้างว่าเป็น "ของบริจาค" ให้กับเรือนจำ แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกนำไปใช้เป็นการส่วนตัวโดยนักโทษกลุ่มนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบพฤติการณ์ที่สะท้อนระบบชนชั้นภายในเรือนจำอย่างชัดเจน
การจ้างงานนักโทษ: นักโทษจีนเทาใช้เงินว่าจ้างนักโทษชาวไทยที่พอสื่อสารภาษาจีนได้ ให้ทำหน้าที่เป็น "คนรับใช้" คอยดูแลความสะดวกสบายส่วนตัว
ผู้เยี่ยมปริศนา: มีรายงานการอนุญาตให้หญิงสาวหน้าตาดีระดับนางแบบเข้าเยี่ยมได้เป็นประจำ โดยเจ้าหน้าที่อาศัยช่องว่างเรื่องการตรวจสอบความสัมพันธ์ความเป็นญาติของชาวต่างชาติที่ทำได้ยาก เป็นข้ออ้างในการอนุญาต
เศรษฐกิจกาแฟซอง: การค้นพบ "กาแฟซอง" จำนวนมหาศาลในห้องพักเจ้าหน้าที่และแดนขัง ถูกวิเคราะห์ว่าอาจไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่ถูกใช้เป็น "สกุลเงิน" ในการเล่นพนันภายในเรือนจำ ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายร้ายแรง
ข้อมูลจากการสอบสวนเบื้องต้นยังชี้ให้เห็นถึงการจัดระเบียบภายในของกลุ่มจีนเทา แม้จะถูกคุมขัง โดยมีการแบ่งแยกพื้นที่ชัดเจน หัวหน้ากลุ่มระดับสั่งการจะพักรวมกันในแดนหนึ่ง ขณะที่ลูกสมุนระดับรองจะถูกแยกไปขังในแดนอื่น เพื่อรักษาโครงสร้างการบังคับบัญชาและความปลอดภัยของหัวหน้ากลุ่ม
ทันทีที่ความจริงปรากฏ กรมราชทัณฑ์ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับข้อบกพร่องและดำเนินการขั้นเด็ดขาด:
ย้ายผู้บัญชาการ: นายมานพ ชมชื่น ซึ่งถือเป็นข้าราชการดาวรุ่งที่เคยผ่านงานสำคัญทั้งในกระทรวงยุติธรรมและเรือนจำหลายจังหวัด ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรม
ย้ายเจ้าหน้าที่: ผู้คุมและเจ้าหน้าที่กว่า 14 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลแดนขังดังกล่าวถูกสั่งย้ายทันที
กระจายนักโทษ: ผู้ต้องขังชาวจีนที่มีอิทธิพลถูกย้ายกระจายไปขังยังเรือนจำอื่นที่มีความมั่นคงสูงกว่า เพื่อตัดวงจรเครือข่าย
ในวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นำโดยรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะเริ่มลงพื้นที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทุกรายอย่างละเอียด ภายใต้นโยบาย "5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลง" ที่กรมราชทัณฑ์พยายามใช้กู้ภาพลักษณ์องค์กร
เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่เป็นการตั้งคำถามถึง "วัฒนธรรมองค์กร" และระบบตรวจสอบภายในของกระบวนการยุติธรรมไทย ว่าเหตุใดผู้มีอำนาจเงินจึงยังสามารถซื้ออภิสิทธิ์ชนได้ แม้ในสถานที่ที่ควรจะพรากอิสรภาพไปจากพวกเขาก็ตาม