
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กดปุ่มทำลายบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง เกือบ 1.8 แสนชิ้น ปกป้องสุขภาพประชาชนและเยาวชนไทย
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานทำลายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 179,125 ชิ้น ซึ่งเป็นคดีสิ้นสุดแล้ว มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท พร้อมบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันนโยบายรัฐบาล “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” มุ่งสร้างสังคมที่เข้มแข็งและห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม)
บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการขับเคลื่อนการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล เป็นประธานในการทำลายของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบที่นำมาประกอบเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่คดีสิ้นสุดแล้ว จำนวน 179,125 ชิ้น แบ่งเป็นของกลางจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จำนวน 24,324 ชิ้น กรมศุลกากร จำนวน 115,413 ชิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 39,388 ชิ้น น้ำหนักรวมประมาณ 9 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568
โดยมี ดร.อรุณ คงเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.พรภัทร์ รอดโพธิ์ทอง บุญถนอม เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสันติ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามสินค้าที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเยาวชน การทำลายบุหรี่ไฟฟ้าของกลางครั้งนี้ ไม่ได้เพียงปกป้องสุขภาพของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและปัญหาสังคม สะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างสังคมไทยที่แข็งแรงและปลอดภัย พร้อมผลักดันมาตรการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นวาระสำคัญของประเทศ
ขณะที่ นายรณรงค์ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการที่ 24/2567 หากฝ่าฝืนมีโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166 เว็บไซต์ ocpb.go.th หรือแอปพลิเคชัน OCPB Connect