svasdssvasds

ชำแหละยุทธวิธี “โดรนพลีชีพ” โจมตีช่องอานม้า ควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติก

ชำแหละยุทธวิธี “โดรนพลีชีพ” โจมตีช่องอานม้า ควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติก

“โดรนพลีชีพ” ยุทธวิธีโดรนติดอาวุธแบบ FPV โจมตีช่องอานม้า ควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติก ไม่ได้ควบคุมโดยทหารกัมพูชา?

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชารอบล่าสุดตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 กัมพูชาปรับรูปแบบในการบุกโจมตีกองกำลังฝั่งไทย โดยเฉพาะการใช้ยุทธวิธีโดรน FPV (First-Person View) ที่ติดกล้องและส่งภาพแบบเรียลไทม์ไปยังผู้ควบคุม พร้อมติดอาวุธเพื่อบินข้ามชายแดนมาหย่อนระเบิดพื้นที่เป้าหมายกำลังพลไทย

โดรนพลีชีพ FPV ภัยคุกคามรูปแบบใหม่

โดรนที่ถูกใช้ในการโจมตีเป็นโดรนขนาดเล็กชนิด FPV ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในด้านความคล่องตัวความรวดเร็ว และต้นทุนต่ำ โดรนเหล่านี้ได้ถูกดัดแปลงให้สามารถติดตั้งกระสุนปืนครกขนาด .82 มม. โดรนที่ปรากฏตัวที่ช่องอานม้า ไม่ได้บินแบบสุ่ม แต่มีรูปแบบโจมตีชัดเจน

ควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติก แม่นยำสูง

ลักษณะการบินของโดรนเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความแม่นยำในการนำทางที่สูงมาก สังเกตลักษณะการบินจะไม่ผ่านจุดที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ และบินเลือกเป้ากลับไปกลับมาอย่างระมัดระวัง โดยกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่าเป็นการใช้ระบบควบคุมผ่าน สายใยแก้วนำแสง (Fiber-optic) ซึ่งแตกต่างจากการควบคุมวิทยุทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนสัญญาณ

ยุทธวิธีชี้เป้า ทิ้งบอมบ์ มุดเข้า!

รูปแบบการทำงานมีโดรนชี้เป้า 1 ลำ บินด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติ ทำหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์และส่งข้อมูลพิกัดของเป้าหมายให้กับโดรนโจมตี บางจังหวะมีลงจอดที่พื้นเพื่อประหยัดแบตและรอเป้าหมาย เป็นการยืนยันว่า การโจมตีถูกควบคุมจากมนุษย์ที่อยู่ห่างออกไป และกำลังมองเห็นสถานการณ์แบบ First Person View ตลอดเวลา

หลังจากชี้เป้าหมาย โดรนพลีชีพติดหัวรบ จะบินตามมาทิ้งระเบิดทำลายบริเวณช่องด้านหน้า หรือด้านหลังบังเกอร์ เพื่อให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้าด้านใน เพื่อสร้างความเสียหายแก่กำลังพล โดยผู้บังคับจะใช้วิธีการควบคุมโดรนทีละลำเพื่อมุมเป้าเข้าไปด้านในบังเกอร์ได้แม่นยำกว่า GPS (รูปแบบที่พบในพื้นที่ช่องอานม้า)

ชำแหละยุทธวิธี “โดรนพลีชีพ” โจมตีช่องอานม้า ควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติก

จับสังเกตไม่ได้ควบคุมโดยทหารกัมพูชา?

กองทัพภาคที่ 2  ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติการ มีสัญญาณบ่งชี้ว่า อาจไม่ใช่กำลังพลทหารกัมพูชา เนื่องจากตรวจจับสัญญาณวิทยุทางการทหารในโหมด CRL โดยมีคำภาษาอังกฤษ “finished” ลงท้ายประโยค ซึ่งเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของกองทัพ หลังจากการปฏิบัติการของโดรนพลีชีพเสร็จสิ้น พบรถจักรยานยนต์ขับหนีไปหลังการโจมตี ทั้ง 2 วัน หลังจากโจมตีที่ช่องอานม้า

มาตรการป้องกันโดรนติดอาวุธ

ยุทธวิธีโดรนพลีชีพ FPV สร้างความท้าทายใหม่ต่อมาตรการป้องกันแบบเดิม เนื่องจากการบินด้วยความเร็วสูง ทำให้การยิงทำลายโดรนเป็นเรื่องยาก และปืนต่อต้านโดรน (Anti-Drone) ที่มีอยู่ก็มีข้อจำกัดการใช้งานในสถานการณ์นี้ เนื่องจากกำลังพลที่อยู่ในบังเกอร์ต้องก้มตัวต่ำเพื่อป้องกันตนเอง ทำให้ไม่สามารถยกอาวุธขึ้นเล็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายของโดรนคือการทิ้งระเบิดใส่ช่องว่าง หรือทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้าภายใน การติดตั้ง ตาข่ายด้านบน จะช่วยสกัดไม่ให้โดรนเข้าด้านในได้ หรือเสริมการป้องกันบริเวณด้านหลังและช่องยิง อุดช่องโหว่การบินมุดเข้าบังเกอร์ เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด

 

related