
SHORT CUT
พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนเผชิญคดีอื้อฉาวของสมาชิกและผู้สมัคร สส. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งท้าทายวาทกรรม “มีส้ม ไม่มีเทา” ที่พรรคใช้เป็นจุดยืน
เส้นทางการเมืองที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าหัวใจสำคัญของการเป็น "พรรคส้ม" คือการประกาศตัวเป็นความหวังใหม่ของการเมืองไทยที่โปร่งใส แต่เส้นทางตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับเต็มไปด้วยขวากหนามและประเด็นอื้อฉาวที่ "เขย่าความเชื่อมั่น" ของแฟนคลับและประชาชนอย่างต่อเนื่อง
กรณีล่าสุดที่สร้างแรงสั่นสะเทือนคือ บุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส. กทม. (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย) พรรคประชาชน ถูกออกหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับการ ฟอกเงินยาเสพติดมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
พรรคประชาชนประกาศ "ขอโทษ" และสั่งเปลี่ยนตัวผู้สมัครทันที โดยส่ง เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ลงเสียบแทน
พรรคประชาชนยืนยันว่าหมายจับออกมาหลังตรวจสอบประวัติเสร็จสิ้นแล้ว และจะไม่มีการปกป้องคนผิด เพื่อรักษาอุดมการณ์ “มีส้ม ไม่มีเทา”
หากไล่เรียงไทม์ไลน์จะพบว่าปัญหาตัวบุคคลเกิดขึ้นในทุกยุคของพรรค:
- เมาแล้วขับ : ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์
- ขาดคุณสมบัติ : นครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง เคยต้องโทษคดีลักทรัพย์
- ทำร้ายร่างกาย : สิริน สงวนศิลป์ กรณีทะเลาะวิวาทกับแฟนสาว (ถูกตัดสิทธิพึงมี)
- คุกคามทางเพศ : เคสของวุฒิพงศ์ ทองเหลา และไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (ปูอัด) ซึ่งทั้งคู่ถูกมติพรรค "ขับออก" เนื่องจากขัดต่ออุดมการณ์อย่างร้ายแรง
หลายคนตั้งคำถามว่าในเมื่อมีระบบตรวจสอบที่ดูเหมือนจะเข้มงวด ทำไมถึงยังมี "หลุด" ออกมา
• ขั้นตอนปัจจุบัน : ตรวจประวัติอาชญากรรม (ลายนิ้วมือ), ตรวจเครดิตบูโร, เส้นทางการเงินเท่าที่มีอำนาจ, และการทำไพรมารีโหวต
• จุดโหว่ : พรรคยอมรับว่าบางกรณีข้อมูลยังไม่ปรากฏในช่วงที่ตรวจสอบ หรือได้รับข้อมูลจากประชาชนล่าช้า
ล่าสุดณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค ระบุว่าต้องปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบอีกขั้น และยืนยันว่าหากพบปัญหาจะดำเนินการ "เด็ดขาด" ไม่ปล่อยปละละเลยแน่นอน
การเมืองยุคใหม่ที่พรรคส้มนำเสนอมาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงลิ่วจากสังคม เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นเพียงครั้งเดียว ผลกระทบจึงรุนแรงกว่าพรรคการเมืองแบบเดิม การพิสูจน์ตัวเองด้วยการ "ตัดเนื้อร้าย" อย่างรวดเร็วคือทางเดียวที่จะรักษาความเชื่อมั่นในระยะยาวไว้ได้