svasdssvasds

Baby Shark Dance เพลงที่ยอดวิวเยอะสุดในโลก กลายเป็นเครื่องมือทรมานนักโทษ

Baby Shark Dance เพลงที่ยอดวิวเยอะสุดในโลก กลายเป็นเครื่องมือทรมานนักโทษ

เพลง Baby Shark Dance เพลงที่มียอดวิวบน Youtube สูงสุด ถูกนำไปใช้ในเป้าหมายอื่นๆด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ ใช้สอนเด็กเต้นร้อง เสริมทักษะเท่านั้น แต่เพลงเพลงนี้ ยังถูกเป็นเครื่องมืออื่นๆ ตั้งแต่การประท้วงที่เลบานอน รวมไปถึงล่าสุด กลายเป็นเพลงในการทรมานนักโทษในสหรัฐฯ

บทเพลง Baby Shark Dance นับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของโลกในยุคดิจิทัล เพราะนี่คือบทเพลงที่ยอดวิวเยอะที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน (25 ส.ค. 2022) ยอดวิวอยู่ที่ราวๆ 11,170 ล้านวิว และถือว่าเป็น สถิติที่ยากมากที่จะถูกทำลายลง เนื่องจาก บทเพลง Baby Shark จะมี "แฟนคลับ" เกิดใหม่มาเรื่อยๆ นั่นเอง  อย่างไรก็ตาม เพลง Baby Shark Dance ได้ถูกนำไปใช้ในเป้าหมายอื่นๆด้วย  ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ ใช้สอนเด็กเต้นร้อง เสริมทักษะเท่านั้น  แต่เพลงเพลงนี้ ยังถูกเป็นเครื่องมืออื่นๆ  ตั้งแต่การประท้วงที่เลบานอน รวมไปถึงเป็นเพลงในการทรมานนักโทษ

ทั้งนี้ มีการเปิดเผยว่า ที่รัฐโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ได้มีการยื่นฟ้องผู้คุมเรือนจำ 2 คน โทษฐานทรมานนักโทษ  ซึ่งหนึ่งในการทรมานที่ว่านี้ ก็คือการจับนักโทษใส่กุญแจมือแล้วเปิดเพลง Baby Shark Dance แบบดังลั่นวนลูปซ้ำๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง ด้วยระดับเสียงที่ดังสะท้านกระแทกโสตประสาท จนพาลทำให้ นักโทษรำคาญใจเป็นอย่างมาก
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

โดยเหตุการณ์ที่ใช้เพลง Baby Shark Dance ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการทรมานนักโทษนั้น เกิดขึ้นในช่วง พ.ย.- ธ.ค. 2019  ซึ่งถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีการร้องเรียนในคุกหลายรอบ ในประเด็นการใช้เพลงทรมานนักโทษในอดีต แต่กลับถูกเพิกเฉย จนเกิดการดำเนินการทางกฎหมายในที่สุด จากการรายงานของ vice

หากมองแบบผิวเผิน หลายๆคนอาจไม่เชื่อว่า เพลง Baby Shark เพลงน่ารักๆ แบบนี้ ที่ยอดวิวถล่มทลายหลักเป็นหมื่นล้านวิวจะทรมานใครได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงใดก็ตาม หากเราได้ยินซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลาต่อเนื่อง (แม้จะไม่ต้องเป็นระดับวอลุ่มที่ดังก็ได้) สมองของคนที่ได้ยินจะอ่อนล้า คิดตอบสนองช้าลง และความเชื่อมั่นจะลดน้อยถอยลง 
 

Baby Shark เพลงที่ยอดวิวเยอะสุดในโลก บน Youtube  กลายเป็นเครื่องมือทรมานนักโทษ

การใช้เพลงที่ ดูเหมือนจะสบายๆ น่ารักๆ ฟังง่ายๆ ในสไตล์คล้ายๆแบบ Baby Shark มาทรมานผู้คน หรือทรมานนักโทษ มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการมีเครื่องขยายเสียงเกิดขึ้นมาบนโลก

คนกลุ่มแรกๆ ที่ทำแบบนี้คือพวกนาซี เพราะเพลงที่ใช้ทรมานชาวยิวในค่ายกักกันมีตั้งแต่เพลงมาร์ช หรือเพลงอื่นๆที่เบาๆลงมา เพราะฉะนั้น ในแง่นี้  จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่โลกมีเครื่องขยายเสียง ก็มีการใช้เพลงที่ดูฟังแล้วไม่น่าจะทรมานอะไร บีทจังหวะไม่ได้เร็วปานสายฟ้าอะไร หรือเพลงที่ไม่ได้มีเสียงกีตาร์กระแทกโสตประสาท สั่นกระดูก ค้อน-ทั่ง-โกลน  แต่ก็ยังนำมาทรมานนักโทษได้...ในความเป็นจริงแล้ว เพลงธรรมดาๆ สามัญ นี่แหละคือเพลงที่ใช้ทรมานนักโทษได้...

 Credit  Pinkfong Baby Shark - Kids' Songs & Stories

Baby Shark เพลงที่ยอดวิวเยอะสุดในโลก บน Youtube  กลายเป็นเครื่องมือทรมานนักโทษ

ในอดีตเคยมี รายงานเปิดเผย ชื่อเพลงที่ทางหน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐอเมริกา หรือ CIA ใช้ทรมานนักโทษ ซึ่งเพลงพวกนี้มีตั้งแต่เพลงเฮฟวีเมทัล อย่างวง Metallica ,หรือเพลงร็อกหนักหน่วงแบบ  Rage Against the Machine, AC/DC หรือเพลงป๊อปแดนซ์จากบริทนี่ย์ สเปียร์ส แบบ Baby One More Time เป็นต้น 

• โดย 10 เพลงที่มีการเปิดเผยว่าได้ถูกCIA ใช้ในการทรมานนักโทษมีดังนี้ 

‘Baby One More Time’ – Britney Spears
‘Bodies’ – Drowning Pool
‘Born in the U.S.A.’ – Bruce Springsteen
‘Die MF Die’ – Dope
‘Enter Sandman’ – Metallica
‘Kim’ – Eminem
‘Raspberry Beret’ – Prince
‘Rawhide’ – the Blues Brothers
‘Theme Song’ – Barney & Friends
‘White America’ – Eminem

*อ้างอิงจาก faroutmagazine 

แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ CIA บางคนจะพยายามโน้มน้าว โดยให้เหตุผลโต้แย้งว่าการให้ฟังเพลงในลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่การทรมาน พร้อมระบุว่าเป็นการออกแบบมาเพื่อสร้างความหวาดกลัว ความสับสน เพื่อยืดเวลาการจับกุมออกไปเท่านั้น...

ในปี 2013 มีรายงานว่า ทางวง Metallica เรียกร้องให้กองทัพสหรัฐฯ และทางการ หยุดใช้เพลงของพวกเขา โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการสนับสนุนความรุนแรง , และในขณะเดียวกัน Chad Smith แชด สมิธ มือกลองของวง  Red Hot Chili Peppers (RHCP) เคยออกมาให้สัมภาษณ์ต่อว่า ทางการของสหรัฐฯ ที่ใช้บทเพลง ใช้ความเป็นศิลปะ ความสุนทรียศาสตร์ ไม่ใช่เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการทำร้าย ทำลายกัน
.

related