svasdssvasds

ไทยผวา! พบ 1 ราย ป่วยโควิดเจเนอเรชัน 3 โอไมครอน BA.2.75.2 แพร่ไวกว่าเดิมถึง 90%

ไทยผวา! พบ 1 ราย ป่วยโควิดเจเนอเรชัน 3 โอไมครอน BA.2.75.2 แพร่ไวกว่าเดิมถึง 90%

ศูนย์จีโนมฯ เผยพบในไทยแล้ว 1 ราย โควิดเจเนอเรชัน 3 "โอไมครอน BA.2.75.2" ระบาด ไวกว่า BA.5 ถึง 90% เตรียมพร้อมตรวจกรอง รับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด โอไมครอน (Omicron) สายพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโอไมครอน BA.2.75.2 ที่พบการแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย

ล่าสุด สถาบันจีโนมประเทศอินเดีย (India’s genome sequencing agency, INSACOG) แถลงเตือนว่าโอไมครอน BA.2.75 ซึ่งเริ่มพบระบาดในอินเดียมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ถึงร้อยละ 82.9 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านไม่ยอมรับคือ “เซนทอรัส (Centaurus) หรือ มนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าในเทพนิยายกรีก” อันมีนัยถึงการ กลายพันธุ์ไปมากที่สุด เมื่อเทียบกับไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อื่น ที่เคยมีการระบาดมาก่อนหน้า 

ขณะนี้ พบว่าโอไมครอน BA.2.75 ได้มีการกลายพันธุ์ต่อเนื่องไปอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปคือ "BA.2.75.2" โดยมีชื่ออย่าง
ไม่เป็นทางการว่า "เซนทอรัส 2.0" เนื่องจากเป็นลูกคนที่สองของ BA.2.75 (ลูกคนแรกคือ BA.2.75.1)

ผู้เชี่ยวชาญภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ทวีตว่า โอไมครอน BA.2.75.2 เป็นสายพันธุ์ที่หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดในปัจจุบัน อาจก่อเกิดการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และแพร่เชื่อได้มากขึ้นไปอีกในอนาคต เป็น “The Super Contagious Omicron Subvariant”

โอไมครอน BA.2.75 กลายพันธุ์มาจาก BA.2 ถือได้ว่า เป็นเจเนอเรชัน 2 ( 2nd generation) โดยมีการกลายพันธุ์ต่างจากไวรัสดั้งเดิม (อู่ฮั่น) 95-100 ตำแหน่ง มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ประมาณ 37% เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่นที่ระบาดอยู่ในอินเดียในปัจจุบัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โอไมครอน BA.2.75.2 กลายพันธุ์มาจาก BA.2.75 ถือได้ว่าเป็นเจเนอเรชัน 3 ( 3rd generation) โดยมีการกลายพันธุ์ต่างจากไวรัสดั้งเดิม (อู่ฮั่น) 95 -100 ตำแหน่งเช่นกัน แต่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ถึง 248% เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.2.75 ที่ระบาดอยู่ในอินเดียขณะนี้  พบการระบาดครั้งแรกในประเทศอินเดีย และแพร่ไปยั'ประเทศ ชิลี อังกฤษ สิงคโปร์ สเปน เยอรมนี และ ประเทศไทย

โอไมครอน BA.2.75.2 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ถึง 90% เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.5 และ 148% เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.4 ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก

โอไมครอน BA.2.75.2 มีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนาม 3 ตำแหน่งที่ต่างไปจากโอไมครอน BA.2 และ BA.2.75 คือ S:R346T, S:F486S,  S:D1199N

จากการสืบค้นจากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” พบ “โอไมครอน BA.2.75.2 จากประเทศไทย ที่อัปโหลดขึ้นมาบน GISAID เพียงรายเดียว” ยังไม่สามารถคำนวณความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เปรียบเทียบกับโอไมครอน BA.4 และ BA.5 

ที่ระบาดในประเทศไทยได้ เพราะจำนวนตัวอย่าง BA.2.75.2 ในประเทศไม่มากพอ

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ มีความจำเป็นที่จะต้องแยกโอไมครอนสายพันธุ์ต่าง ๆ ออกจากกันให้ได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 24-48 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น BA.2, BA.4, BA.4.6, BA.5, BA.2.12.1, BA.2.75, BA.2.75.2 ฯลฯ เพราะการรักษาโควิด-19 เริ่มมีลักษณะมุ่งเป้า (precision medicine) มากขึ้นเป็นลำดับ ต่างจากการรักษาในช่วงต้นของการระบาดในปี 2019 ซึ่งผู้ป่วยทุกรายรักษาเหมือนกัน (One-size-fits-all) เนื่องจากปัจจุบันพบว่า เวชภัณฑ์ อาทิ วัคซีน (เข็มหลัก และ เข็มกระตุ้น) ยาต้านไวรัส และ แอนติบอดีสังเคราะห์ หลายประเภทมีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือรักษาไวรัสโคโรนา 2019 แต่ละสายพันธุ์ ที่แตกต่างกัน

related