อนุทิน เผย ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบยกเลิกการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการน้อย ให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการ DMHT 5 วัน และยกเลิกการแสดงผลฉีดวัคซีนโควิด-19 และผลตรวจคัดกรองสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 7/2565 นายอนุทิน ระบุภายหลังการประชุมว่า มีเรื่องที่ได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการโรคติดต่อ 2 เรื่อง คือ
1.เห็นชอบแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - กันยายน 2566 โดยได้มีการลงลงนามปรับให้เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังลำดับที่ 57 ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ. 2558 ซึ่งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ภายใต้ยุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ การป้องกัน เฝ้าระวังควบคุมโรค ด้านการแพทย์ และการรักษาพยาบาล การสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ และด้านการบริหารจัดการ กฎหมาย สังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี หรือครม. เห็นชอบต่อไปและให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความพร้อมทุกด้านประกาศเป็นพื้นที่หากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอาจประกาศให้เป็นพื้นที่โรคระบาดตามความจำเป็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• 1 ต.ค. นี้ ถอน โควิด19 ออกจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
• ครม. ปลดโควิด19 ออกจากโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว เข้ามาอาศัยในไทย
• WHO เผยใกล้ถึงยุคสิ้นสุดของโควิด19 ขอทุกประเทศคงมาตรการป้องกันต่อไป
2. เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเป็นโรคติดต่อที่เฝ้าระวัง คือ ก่อนเข้าประเทศจะมีการยกเลิกแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจ ATK โรค โควิด-19 ยกเว้นโรคไข้เหลืองที่ยังดำเนินการตามปกติ ยกเลิกการสุ่มตรวจ สอบบันทึกการฉีดวัคซีน โควิด-19 ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ แต่ยังคงเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่ ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่มีอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการให้ปฏิบัติการตามมาตรการ DMHT คือ ไม่ต้องกักตัวแต่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง เป็นระยะเวลา 5 วัน และควรตรวจ ATK เมื่อมีอาการ ให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่มีอาการไม่ถ่ายเท หรือ พื้นที่ปิด และให้มีการตรวจคัดกรองในหน่วยงานเฉพาะกลุ่มที่มีอาการของโรคทางเดินหายใจ
ปัจจุบัน มีประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 143 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 47.3 ขณะที่เช็มกระตุ้นฉีดไปแล้ว 33 ล้านโดส และคณะกรรมการโรคติดต่อ เห็นชอบ แผนบริหารจัดการวัคซีนและให้วัคซีน โควิด-19 สำหรับเด็กอายุหกเดือนถึงสี่ปีเป็นวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนได้ช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก ย้ำการนำเข้าวัคซีนยาและเวชภัณฑ์ยังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
ทั้งนี้ข้อปฏิบัติทั้งหมดเกี่ยวมาตรการโควิด-19 ที่จะปรับเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังในวันที่ 1 ตุลาคม จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.รับทราบในวันศุกร์ที่ 23 กันยายนนี้