สธ.ยันไทยพบผู้ติดโควิด "สายพันธุ์ XBB" 2 ราย อาการไม่หนัก ย้ำอย่าตื่นตระหนก

 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ XBB จำนวน 2 ราย ในประเทศไทย

• รายแรกเป็นหญิงต่างชาติอายุ 60 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง มาตรวจใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง มีอาการไอ ขณะป่วยอาศัยโรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว

• รายที่ 2 เป็นหญิงไทยอายุ 49 ปี เดินทางมาจากสิงคโปร์ รักษา รพ.เดียวกัน มีอาการไอ และคัดจมูก อาการไม่มาก หายเป็นปกติแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้โอมิครอนสายพันธุ์ XBB เป็นสายพันธุ์ผสมระหว่างสายพันธุ์ BJ.1 (BA.2.10.1.1) และ BM.1.1.1 (ฤ.2.75.3.1.1.1) โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันคือ BA.2

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "หมอเฉลิมชัย" เตือนไทยเสี่ยงสูง "โควิดสายพันธุ์ใหม่XBB" ระบาด

• ยกระดับเข้มสนามบินทุกแห่ง หลังฮ่องกงพบโควิดสายพันธ์ XBB มาจากไทย 3 คน

• กรมวิทย์ฯ ยันยังไม่พบโควิดสายพันธุ์ BQ.1.1 - XBB ในไทย ส่วนใหญ่เป็น BA.5

 ส่วนสายพันธุ์ BF.7 พบในไทย 2 ราย เป็นชายต่างชาติอายุ 16 ปี อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกรายเป็นหญิงไทยอายุ 62 ปี บุคลากรทางการแพทย์ พบที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ทั้งคู่ไม่มีอาการรุนแรง

โดยสายพันธุ์ BF.7 เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ BA.5.2.1 มีความสามารถในการแพร่ระบาดน้อยกว่า XBB และ BQ.1.1 พบในจีน เบลเยียม เยอรมนี ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และอังกฤษ รวมแล้วทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อนี้ประมาณ 13,000 คน

 ดังนั้นผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในไทยประกอบด้วย BA.2.75.2 จำนวน 8 ราย BN.1 จำนวน 10 ราย BF.7 จำนวน 2 ราย และ XBB อีก 2 ราย

 อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำว่า

ประชาชนอย่าเพิ่งตกใจ เพราะตระกูลโอมิครอน แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ซึ่งหากมีอาการก็ขอให้ตรวจหาเชื้อ จะได้ลดการแพร่เชื้อ เพราะตามหลักการแล้วหากลดการแพร่เชื้อได้ ก็จะลดการกลายพันธุ์ได้ด้วย

 สำหรับการจัดกิจกรรม ประเพณีต่างๆ ที่มีผู้ร่วมงานจำนวนมากนั้น ยังใช้หลักการทั่วไป คือ ห้ามจัดกิจกรรม แต่ขอให้ป้องกันตัว ด้วยการตรวจ ATK ก่อนไปร่วมงาน โดยตรวจใกล้เวลาที่จะไปร่วมงาน พร้อมการใส่หน้ากากเพราะป้องกันการแพร่เชื้อได้

 ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิดในไทยลดลงต่อเนื่องทั้งผู้ติดเชื้อ ป่วยหนัก เสียชีวิต โดยรอบสัปดาห์เสียชีวิต 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 และยังไม่ฉีดวัคซีน ส่วนอัตราครองเตียงอยู่ที่ 4.9% จำนวนกลุ่มเสี่ยงปอดอักเสบอยู่ที่ 2.2 พันราย ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีจำนวน 2.9 พันราย