svasdssvasds

"หมอยง" ไขปม 9 คำถาม "โควิด-19" ที่สังคมอยากรู้ และถามบ่อย

"หมอยง" ไขปม 9 คำถาม "โควิด-19" ที่สังคมอยากรู้ และถามบ่อย

"หมอยง" ไขปม 9 คำถาม "โควิด-19" ที่สังคมอยากรู้ และถามบ่อย หลังประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการโควิด และเปิดรับผู้เดินทางจากทั่วโลก

ตั้งแต่ประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการโควิด และเปิดรับผู้เดินทางจากทั่วโลก มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ สายการบินมีคนเดินทางมากขึ้น 80% ทำให้ธุรกิจต่างๆ กลับมา พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

 "หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ประเด็น โควิด-19 คำถามที่ถามบ่อยระบุว่า

คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับโควิด 19 จะขอตอบดังนี้

1. สถานการณ์เป็นอย่างไร?

สถานการณ์โควิด 19 อยู่ในขาลง และจะลงไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤษภาคม เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะพบมากขึ้นอีกเป็นระลอกขึ้นมา ทั้งนี้เพราะประชากรไทยติดเชื้อไปมากแล้ว มากกว่าร้อยละ 70 และโรคเข้าสู่ฤดูกาล

2. นักท่องเที่ยวต่างชาติน่ากลัวไหม?

นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามา โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีน และทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ขึ้นได้ สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งขณะนี้คือ XBB.1.5 ที่ระบาดมากในอเมริกา และแนวโน้มในยุโรปก่อนที่จะกระจายไปทั่วโลก และเราต้องระวังสายพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นด้วย

3. การเฝ้าระวังการระบาดจากการท่องเที่ยวทำได้อย่างไร?

ในทางปฏิบัติ ถ้านักท่องเที่ยวใส่หน้ากากอนามัย ก็จะลดการแพร่กระจาย โดยเฉพาะผู้ที่ป่วย แต่คงจะยากที่จะไปบังคับนักท่องเที่ยว การเฝ้าระวังของเรา และป้องกันตัวเราจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสายพันธุ์จากนักท่องเที่ยวที่มาป่วยที่บ้านเรา หรือมีการสุ่มตรวจด้วยความสมัครใจ รวมทั้งเฝ้าระวังตรวจสายพันธุ์ในผู้ป่วยคนไทยด้วย เพื่อเป็นสัญญาณเตือน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• คกก.โรคติดต่อ เห็นชอบมาตรการโควิด จีน-อินเดีย ให้มีผลตรวจ RT-PCR ขากลับ

• ไทยแลนด์แดนน่าเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยแตะ 4.65 ล้านคน

• อัปเดตมาตรการทั่วโลก รับมือนักท่องเที่ยวจีน เมื่อจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค.66

4. ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วเท่าไหร่?

จากการศึกษาที่ศูนย์ ด้วยการตรวจเลือด 2 โครงการ พบว่าในภาพรวม ติดเชื้อไปแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 โดยใน เด็กตั้งแต่อนุบาลขึ้นไปติดเชื้อไปแล้ว ถึงร้อยละ 80 ผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 70 ผู้ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 50 แต่เมื่อตรวจภูมิต้านทานของทุกกลุ่มอายุ พบว่า มากกว่าร้อยละ 96 ตรวจพบภูมิต้านทานแล้ว เกิดจากการฉีดวัคซีนและหรือการติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่ตรวจพบเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคลดความรุนแรงลงเมื่อเปรียบเทียบกับยุคก่อนมีวัคซีน

5. ประชากรไทยยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่?

ในกลุ่มเสี่ยงสูง มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนโควิดเป็นระยะ โดยเฉพาะที่ฉีด หรือติดเชื้อ นานมาแล้วเกิน 4-6 เดือน ในคนที่ปกติแข็งแรงดี รวมทั้งเด็ก ถ้าเคยฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มมาแล้ว หรือร่วมกับ การติดเชื้อ จะรอไว้ก่อนก็ได้ โดยเฉพาะระยะนี้อยู่ขาลง ถ้าโรคอยู่ในขาขึ้นหรือมีระลอกใหม่ก็ควรจะต้องรีบฉีดวัคซีนกระตุ้น

6. วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน?

ขณะนี้มีข้อมูลค่อนข้างชัดเจนขึ้นมาก ว่าวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ ไม่ได้ดีไปกว่าวัคซีนเดิมเท่าไหร่ (The New England Journal of Medicine, January 12, 2023) วัคซีนจะยังไปกระตุ้นสายพันธุ์ ดั้งเดิม ระดับภูมิต้านทานเมื่อเปรียบเทียบกับ วัคซีน mRNA ชนิดเดิมในเข็มกระตุ้น กับ 2 สายพันธุ์ จึงไม่ได้แตกต่างกันมาก การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้น 2 สายพันธุ์ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดกระตุ้น (ในอเมริกาตอนนี้ไม่มีวัคซีน mRNA ชนิดสายพันธุ์เดียวแล้ว) พบว่าการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน 2 สายพันธุ์กระตุ้น ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30 - 40+% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น (MMWR) ประสิทธิภาพจะลดลงตามระยะเวลา ดังนั้นในกลุ่มเสี่ยง เราจะไม่รอวัคซีน 2 สายพันธุ์ ถ้าถึงเวลาที่ต้องกระตุ้นสามารถกระตุ้นได้เลย

7. หน้ากากอนามัยยังจำเป็นไหม?

ยังจำเป็นเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ปกปิด เช่นในรถไฟฟ้า รถบัส รถเมล์ หรือที่คนหมู่มาก การอยู่กลางแจ้งจะจำเป็นสำหรับ ผู้ที่ป่วยมีโรคทางเดินหายใจ ควรจะใส่ตลอดเวลา เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

8. หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กอนุบาล และประถมยังจำเป็นไหม?

การดูแลหน้ากากอนามัยของเด็กเล็ก ทำได้ยาก เด็กมักจะใช้มือจับต้องอยู่ตลอด ดังนั้นในเด็กอนุบาลหรือเด็กประถม อาจไม่จำเป็น ควรไปเน้นการป้องกันเรื่องการล้างมือ สุขอนามัย สถานที่เรียนให้สะอาด โดยการหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ เด็กจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้ โดยเฉพาะทางอารมณ์ สีหน้าท่าทาง นอกจากการเรียนรู้ภาษาด้วยการได้ยินอย่างเดียว และเด็กไทยในวัยที่ไปเรียน แล้วติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80 มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการติดเชื้อและฉีดวัคซีนแล้ว

9. ลองโควิด และ MISC พบได้บ่อยไหม?

 ลองโควิด เป็นอาการที่เกิดขึ้น และ หลงเหลืออยู่หลังเป็นโควิด ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึก เช่นเหนื่อยหายใจลำบาก หัวมึนตื้อ นอนไม่หลับ ทานอาหารไม่อร่อย พบได้บ่อยในปีแรกๆ ของการระบาดที่โรคมีความรุนแรง และลดลงในปีที่ผ่านมาในยุคของ โอมิครอน ในประชากรไทยที่ติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 70 ถ้าไปถามดู ผมเชื่อว่าน้อยมาก ลองถามเพื่อนๆที่เป็นแล้วดู รวมทั้งเด็กด้วย ติดเชื้อไปแล้ว 70% ถ้าพบเยอะการดูแลทางการแพทย์คงยุ่งไปแล้ว ส่วน MISC เป็นปฏิกิริยาของภูมิต้านทานเชิงระบบ พบในระยะที่มีการติดเชื้อ เด็กไทยติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80 จำนวนตัวเลขที่พบ MISC เราก็อยากรู้ตัวเลขที่แน่นอนเหมือนกัน เพื่อจะได้รู้ว่าอัตราการป่วยเป็นเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยทั้งหมดที่ติดเชื้อไปแล้ว ในเด็กหลายล้านคน

ที่มา : Yong Poovorawan

related